Google WWW Blog e4thai www.e4thai.com

Articles

กฎทองคำในการฝึกเขียน: เขียนทุกวันทำให้เขียนคล่อง-อ่านทุกวันทำให้เขียนถูก

writing boy

สวัสดีครับ

การเขียนภาษาอังกฤษเป็นเรื่องที่มีคนถามมาน้อย  แต่เป็นทักษะที่มีประโยชน์มาก   

การเขียนมีประโยชน์มากยังไง?

หนึ่งการฝึกเขียน คือการฝึกพูดผ่านมือ เมื่อถึงเวลาที่ต้องพูดด้วยปาก ก็จะพูดได้คล่องขึ้น

สองการฝึกเขียน ช่วยทำความคิดที่กระจัดกระจาย ให้กระชับและกระจ่าง เช่น เมื่อเราตั้งหัวข้อการเขียน ที่มีคำว่า “ทำไม...?”,  “....อย่างไร?”, “.....มีอะไรบ้าง?” ตอนที่ต้องเขียนตอบ เราจะรู้ได้เลยว่า  อะไรที่เรายังไม่รู้... ยังไม่ชัด... หรือยังคิดไปไม่ถึง

สามการขยันเขียนถึงเพื่อนต่างชาติที่เพิ่งรู้จัก  ช่วยแปลงความสัมพันธ์จากห่าง ๆ ให้เป็นใกล้ชิด

สี่ – การเขียนอย่างสบาย ๆ แบบไม่เป็นทางการถึงเพื่อนอยู่เสมอ ๆ  จะช่วยให้การเขียนอย่างเป็นทางการที่ต้องใช้ในงานอาชีพ ลื่นไหลไม่ติดขัด

ทำยังไงให้เขียนออก?

       มันอย่างเดียวกับถามว่า ทำยังไงให้พูดออก? หลายคนบอกว่า ตอนฟังเขาพูดภาษาอังกฤษก็รู้เรื่อง  แต่พอจะพูดเองกลับพูดไม่ได้ คำบ่นนี้ดูเหมือนจริงและน่าเห็นใจ   แต่ว่ามันไม่จริงและควรเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่  เพราะความจริงก็คือ ถ้าเราฟังเขาพูดให้มาก ๆ และตั้งใจฟังให้รู้เรื่อง (คือฝึกฟังให้ได้ทั้งปริมาณและคุณภาพ)  มันจะค่อย ๆ ถึงจุดที่เราพูดได้อย่างที่เขาพูด (แม้จะพูดไม่เก่งเท่าเขาก็ไม่เป็นไร) ในทำนองเดียวกัน   ถ้าเราอ่านสิ่งที่คนอื่นเขียนให้มาก ๆ และตั้งใจอ่านให้รู้เรื่อง มันจะถึงจุดที่เราจะค่อย ๆ เขียนได้อย่างที่เขาเขียน (แม้จะเขียนไม่เก่งเท่าเขาก็ไม่เป็นไร) เพราะฉะนั้น เขียนกับอ่าน  เป็นทักษะคู่ที่ต้องฝึกด้วยกัน  เหมือนพูดกับฟังนั่นแหละครับ

เริ่มต้นเขียนง่าย  ๆ ... เริ่มยังไง?

       ใช้ศัพท์ง่าย ๆ ที่เรารู้,  ใช้ประโยคง่าย ๆ สั้น ๆ ที่เราคิดออก และเขียนไปโดยไม่ต้องกลัวผิด แม้ว่ามันจะผิดอยู่บ้างก็ช่างมัน เช่น

[1] ถ้าเราจะเล่าให้เพื่อนฟังว่า ได้ไปเที่ยวอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม  เราอาจจะเขียนง่าย ๆ ว่า

On weekends, there are many people and cars. You cannot drive your car very fast there. You may walk by a canal   to buy souvenirs.   There are several homestays for tourists. At night, you can go by boats  along  the Maeklong river (แม่น้ำแม่กลอง)  to see hing-hoy (หิ่งห้อย).

[2] เล่าให้เพื่อนฟังเกี่ยวกับหมาที่ท่านเลี้ยงว่า มันน่ารักยังไง

Dang (ด่าง)  is my dog. He  is 3 months old. He is very cute. Once he  watched a movie on TV with me.  A dog in the movie barked (เห่า) loudly at a man who broke into a house at night. Dang stood up and barked at the barking dog non-stop. I hugged him and told him to stop.

[3] แสดงความกังวลเกี่ยวกับการเมืองไทยในขณะนี้ให้เพื่อนต่างชาติฟัง

You may ask me what will happen next in Thailand. My answer is “I don’t know.”  No one knows. I pray for good things to happen. Everyone prays.

[4] ท่านอาจจะมีประสบการณ์ส่วนตัวที่อยากบอกเล่า  ท่านก็สามารถเล่าไปโดยใช้ภาษาง่าย ๆ ศัพท์ง่าย ๆ เช่น

Last   year I went to a bakery  several times to learn how to make pies, cookies, cakes and bread. I also read several books about  these things. Below is what I learned:

1.For a beginner, it is very difficult to do as the teachers or the books tell us to do. Yes, we understand what to do , but we cannot do  100 % what they teach us to do. It is difficult.

2.Each  teacher or each  book writer does not teach or tell us everything. They keep something with themselves, especially the important tips to make the food delicious. Often I found these tips later in some websites.

3.Very often, the books teach us to add some chemicals to these foods. They  help to make our cooking easier, and the foods more delicious. But I don’t like any  chemical  in my body. So when you buy these foods from a bakery, you must accept this fact.

       ท่านจะเห็นว่า นี่เป็นการเขียนที่ใช้คำศัพท์พื้นฐานง่าย ๆ ใช้โครงสร้างประโยคง่ายๆ แค่ ประธาน + กริยา +กรรม ตอนที่ท่านเขียน  ถ้าประโยคที่ท่านนึกมันชักจะซับซ้อน เพราะมี ที่, ซึ่ง, อัน ในประโยค และมันเขียนเป็นภาษาอังกฤษยาก ผมขอแนะนำให้ท่านนึกเขียนเป็นประโยคง่าย ๆ แบบ ประธาน+กริยา+กรรม ตามตัวอย่างนี่แหละครับ

เว็บช่วยฝึก ที่ขอแนะนำในเบื้องแรก

[1] เว็บที่ช่วยฝึกการอ่าน

1.http://www.rong-chang.com/easykids/

เมื่อเข้าไปแล้ว คลิกเรื่องที่จะอ่าน, คลิก Thai เพื่อดูคำแปลประโยคต่อประโยค

2.  ประโยคภาษาอังกฤษกว่า 4000 ประโยค (แปลไทย) -  คลิก

3.อ่านข่าวง่าย พร้อมคำศัพท์แปลไทย จากเว็บ Bangkok Post

http://www.bangkokpost.com/learning/really-easy

4.อ่านข่าวง่าย ๆ จาก VOA Learning English

http://learningenglish.voanews.com/section/level-one/3774.html

5.คลิก  หนังสืออ่านนอกเวลากว่า 150 เล่ม

มี 6 Level, เลือก Level ที่เหมาะกับท่าน  หนังสือพวกนี้นำนวนิยายชื่อดังมาเขียนใหม่ให้ง่าย ในเรื่องหนึ่ง ๆ จะมีทั้ง 1) บทสนทนา และ 2) บทเล่าเรื่อง ปน ๆ กันอยู่ เราสามารถจดจำทั้ง 2 บทนี้ไปใช้ในการเขียนได้

[2] เว็บดิก เมื่อสงสัยคำศัพท์

ดิก อังกฤษ-ไทย & ไทย – อังกฤษ  

ดิก อังกฤษ – อังกฤษ

[3]เว็บช่วยแปล Google Translate

[4]เว็บช่วยสร้างพื้นฐานคำศัพท์ภาษาอังกฤษ

คำแนะนำสำหรับท่านที่ตั้งใจจริง

1.ฝึกคนเดียว

เขียนไดอะรี่เป็นภาษาอังกฤษทุกวัน  ๆ ละ อย่างน้อย 10 ประโยค  หรือ 100 คำ

2.ฝึกกับเพื่อน

จะจับคู่หรือทำเป็นกลุ่มก็ได้ โดยเขียนถึงกัน ผ่านอีเมล, Facebook, Line เป็นต้น

ถ้าท่านเขียนลง WORD ก่อน  ก็มีข้อดีตรงที่ท่านสามารถให้ WORD เช็ก spelling เพื่อท่านจะได้แก้ให้ถูกก่อนส่ง  ในกรณีที่เมื่อท่านพิมพ์ผิดและมันไม่ขึ้นเส้นใต้สีแดง ให้ท่านคลิก Review ที่เมนูบาร์ และคลิก Spelling & Grammar


ผมขอสรุปสุดท้าย เกี่ยวกับ การฝึกเขียนภาษาอังกฤษ

read-write

ข้อ 1.ท่านต้องให้การบ้านแก่ตัวเอง และทำการบ้านนั้นทุกวันห้ามขาด  เช่น ต้องเขียนอะไรก็ได้  อย่างน้อยวันละ 10 - 20 ประโยค หรือประมาณ 100 – 300 คำ (ถ้าพิมพ์ลง WORD มันจะช่วยนับจำนวนคำ และเช็ก spelling ให้ด้วย)

ข้อ 2.ท่านทิ้งเรื่องการอ่านไม่ได้เด็ดขาด เพราะถ้าไม่อ่าน  เท่ากับท่านไม่ได้เติมเชื้อเพลิงให้แก่สมองในการเขียน   ท่านจะเขียนไม่ออก หรือเขียนออกแต่เขียนผิด  เพราะไม่ได้ซึมซับตัวอย่างจากการอ่านข้อเขียนที่ถูกต้องอยู่เรื่อย ๆ

ข้อ 3.ถ้าท่านทำครบทั้ง ข้อ 1 และ ข้อ 2 อยู่เป็นนิจ ท่านจะเขียนดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะการฝึกข้อ 1 จะทำให้ท่านเขียนคล่อง,  และการฝึกข้อ 2 จะทำให้ท่านเขียนถูก  คือถูกมากขึ้นเรื่อย ๆ และผิดน้อยลงเรื่อย  ๆ

ข้อ 4.ถ้าท่านฝึกเขียนในหัวข้อที่ต้องใช้ความคิด การค้น และความจำ อยู่อย่างสม่ำเสมอ การเขียนภาษาอังกฤษ ก็จะช่วยให้ท่านพัฒนาสมอง ทำให้ท่านแก่ช้า และห่างไกลโรคขี้ลืมด้วยครับ

 

พิพัฒน์

This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

Google
Search WWW Search Blog e4thai Search www.e4thai.com