ทุกวัน ฟิตอังกฤษให้ได้ครบตามเป้า ทั้งปริมาณและคุณภาพ
สวัสดีครับ
สำหรับนักเรียนในโรงเรียน ภาษาอังกฤษสำคัญมากกว่าการทำการบ้านส่งครู และสำหรับพนักงานในบริษัท ภาษาอังกฤษสำคัญมากกว่าการทำงานส่งเจ้านาย เพราะยุคนี้ภาษาอังกฤษเป็นทักษะที่จำเป็นต้องฝึกให้พร้อมใช้ เพื่อจะได้ไม่ตกยุค
เราต้องฟิตภาษาอังกฤษทุกวัน คำว่าฟิต ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นคำกริยา แปลว่า ฝึกซ้อม การฟิตทุกวัน ๆ ละ 30 นาที ย่อมมีประโยชน์กว่าการฟิตสัปดาห์ละวันเดียวติดต่อกัน 3 ชั่วโมงครึ่ง แม้ว่าจะใช้เวลา 210 นาทีเท่ากัน เพราะว่าแต่ละ 30 นาทีที่เราฟิตทุกวัน สมองจะย่อยบทเรียนและค่อย ๆ แข็งแรงเพื่อรอรับบทเรียนใหม่ในวันรุ่งขึ้น เพราะฉะนั้น การฟิตวันละน้อยแต่ต่อเนื่อง ย่อมดีกว่าการฟิตหนักอย่างหักโหมวันละมาก ๆ จนสมองแตกหัก
และในแต่ละวันที่ฟิต เราก็ต้องตั้งเป้าหมายให้บรรลุถึง!
ท่านอาจจะถามว่าจำเป็นต้องตั้งเป้าหมายด้วยหรือ? ฟิตตามสบายไม่ดีกว่าหรือ?
ผมขอตอบคำถามนี้โดยเปรียบเทียบกับคนออกกำลังกายที่มีวินัย เขาตั้งเป้าว่าต้องวิ่งทุกวัน ๆ ละครึ่งชั่วโมงหรือ 3 กิโลเมตรซึ่งเหมาะสมกับเรี่ยวแรงและแข้งขาของเขา เป้าที่ตั้งไว้ย่อมช่วยขจัดความขี้เกียจหรือคำแก้ตัวลวง ๆ ที่ไม่อยากวิ่ง และเมื่อวิ่งครบระยะเวลาหรือครบระยะทางตามเป้าแล้ว ร่างกายย่อมแข็งแรงและจิตใจย่อมเข้มแข็ง เป้าดี ๆ ที่ตั้งไว้จึงช่วยบอกเราว่า เราต้องทำอะไร และทำเท่าไร และเราต้องทำให้ได้ หากไม่มีเป้าให้บรรลุก็ย่อมไม่มีความภูมิใจเมื่อได้บรรลุ
การฟิตภาษาอังกฤษก็เช่นกัน ต้องมีเป้าหมายให้บรรลุ ทุกวัน ทั้งปริมาณและคุณภาพ
เป้าหมายเชิงปริมาณก็คือ จำนวนนาที, จำนวนหน้า, จำนวนประโยค, จำนวนคำ ที่เราจะให้แก่การฝึก ฟัง พูด อ่าน เขียน ฯลฯ ภาษาอังกฤษ ขอให้ตั้งปริมาณต่ำสุดที่เหมาะสมกับตัวเอง ถ้าทำได้มากกว่าเป้าก็ถือว่าได้กำไร
เป้าอันเหมาะสมที่ตั้งไว้นี้ ถ้ามีปัญหาว่าทำไม่ได้ เช่น งานอื่นยุ่งจนไม่มีเวลาเจียดมาให้ ก็อย่าเพิ่งยอมแพ้ง่าย ๆ ภาษิตโบราณอันศักดิ์สิทธิ์ว่าไว้ “ความรักคือการให้” ถ้าเรารักภาษาอังกฤษเราก็ต้องมีเวลาให้แก่การฟิตภาษาอังกฤษ อาจจะตื่นนอนเร็วขึ้นนิด เข้านอนดึกขึ้นหน่อย ลดหรือเลิกเรื่องที่ไม่จำเป็นเพื่อเอาเวลามาให้ภาษาอังกฤษ ทั้งหมดนี้เราทำได้ถ้าเรารักจะทำ แต่ถ้าไม่รัก-เราก็จะทำไม่ได้-และไม่ทำ-ทั้ง ๆ ที่เราทำได้
ส่วนเป้าหมายเชิงคุณภาพล่ะเป็นอย่างไร?
บางท่านอาจจะคิดว่า การฝึกอ่านและฝึกฟังอย่างมีคุณภาพต้องรู้เรื่องหมด การฝึกพูดหรือฝึกเขียนอย่างมีคุณภาพต้องพูดได้ไม่ผิด หรือเขียนได้ไม่ผิด
ผมขอบอกว่า ถ้าเราเอา “ความเข้าใจ (เมื่ออ่านหรือฟัง)” และ “การใช้เป็น (เมื่อพูดหรือเขียน)” มาเป็นตัววัดคุณภาพ เราผิดแล้วครับ เราพลาดอย่างถนัด เพราะเรากำลังนำสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมมาเป็นเป้าหมายของเรา
วิธีที่ถูกต้องนั้น เป้าหมายเชิงคุณภาพ จะต้องเป็นสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ และบรรลุได้ และในการฟิตภาษาอังกฤษ เป้าหมายการฝึกเชิงคุณภาพ คือ สมาธิ
เวลา 30 ถึง 60 นาที ที่เราฟิตภาษาอังกฤษ ขอให้ทุกนาทีมีสมาธิเต็มร้อย นี่แหละคือการฟิตภาษาอังกฤษอย่างมีคุณภาพ และด้วยใจที่มีสมาธิเปิดดูดซับความรู้ครบตามจำนวนนาทีที่ตั้งไว้ ผลที่หวังว่าจะได้รับย่อมเกิดขึ้นเร็ว
ผมขอยกตัวอย่างให้ท่านฟังสักเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับอำนาจของสมาธิ ผมเชื่อว่าทุกท่านเคยผ่านเรื่องนี้มาแล้ว คือ ท่านคงเคยนึกถึงหน้าของใครคนหนึ่งที่ท่านรู้จัก และพยายามนึกถึงชื่อของเขา แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก พอทิ้งเวลาสักครู่ก็มานึกใหม่ ก็ยังนึกไม่ออกอยู่นั่นเอง ท่านก็เลยท้อและบอกตัวเองว่า “ช่างมัน นึกไม่ออกก็ช่างมัน” แต่เรื่องของเรื่องก็คือว่า ในอีก 1 ชั่วโมงต่อมา หรือถ้าช้าหน่อยก็อาจจะในวันรุ่งขึ้น ชื่อของคน ๆ นั้นก็ผุดขึ้นมาในสมอง เรื่องนี้อธิบายได้ง่าย ๆ ว่า ขณะที่ท่านใช้สมาธิในเรื่องใดก็ตาม สมองของท่านจะทำงานเต็มกำลังของมัน และแม้ท่านอาจจะเลิกคิดเรื่องนั้นแล้ว สมองก็ยังแอบทำงานเงียบ ๆ เพื่อย่อยเรื่องที่ยังย่อยไม่เสร็จ และเมื่อเวลาที่ย่อยเสร็จ มันก็จะ “โพล่ง” ออกมาบอกท่าน
การฟิตภาษาอังกฤษด้วยทุกนาทีที่มีสมาธิก็เช่นเดียวกัน ท่านไม่ต้องไปบีบคั้นให้สมองของท่าน เข้าใจ-จำได้-นึกออก อย่างรวดเร็วทันใจ นี่มันเหนือการควบคุมของเราครับ แต่ขอให้ท่านทำสิ่งที่ท่านสามารถทำได้ คือมีสมาธิที่เต็มร้อย ณ นาทีที่ท่านกำลังฟิตฟัง-พูด-อ่าน-เขียน ภาษาอังกฤษ และผลดีก็จะตามมา คือ อะไรที่ท่านคิดว่าทำไม่ได้ก็จะทำได้ อะไรที่ไม่เข้าใจก็จะเข้าใจ เมื่อเวลาของมันมาถึง
เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดนี้ผมไม่ได้จำทฤษฎีมาพูด แต่มาจากประสบการณ์จริง จำได้ว่าตอนเรียนอยู่ ปี 1 ที่ธรรมศาสตร์ ผมใช้เวลาเป็นปีในการฝึกอ่านหนังสือพิมพ์ Bangkok Post และก็ทนอ่านไปทั้ง ๆ ที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องนั่นแหละครับ ... ไม่ท้อ... แต่พอถึงเวลาที่มันจะรู้เรื่อง มันก็รู้เรื่องแบบก้าวกระโดดอย่างไม่น่าเชื่อ และตอนอยู่ ปี 3 ผมยังได้ไปรับจ้างแปลข่าวที่หน้าข่าวต่างประเทศของหนังสือพิมพ์รายวัน 2 ฉบับ นี่เพราะการฝึกอ่านด้วยสมาธิมา 2 ปี ส่วนประสบการณ์ในการฝึกฟังของผมก็คล้าย ๆ กัน มันเริ่มจากไม่รู้เรื่องเลยอย่างนี้แหละครับ
ทุกวัน ผมขอชักชวนให้ท่านฟิตอังกฤษให้ได้ครบตามเป้าหมาย ทั้งปริมาณและคุณภาพ อย่างที่ผมว่าไว้นี้แหละครับ ผมเชื่อว่าเมื่อเราฝึกทุกวันไม่หยุด เราก็จะไปถึงเป้าที่เราหมายไว้
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.