Google WWW Blog e4thai www.e4thai.com

หา story ที่ชอบให้พบ, และอ่านเรื่องนั้นทุกวัน, ไม่มากก็น้อย จะได้ประโยชน์มหาศาล

 read travel 0

สวัสดีครับ

       การอ่านเป็นการเติมพลังทางภาษาให้แก่ตัวเอง

       แต่เรื่องของเรื่องก็คือว่า มีเรื่องมากมายให้อ่านจนเลือกไม่ถูก แต่การหาให้พบเรื่องที่เรารักจะอ่าน เราแต่ละคนต้องหาเอง อย่าไปบังคับ, ใช้สอย, หรืออ้อนวอนให้ใครหาให้ เพราะเขาไม่ใช่เรา, ถ้าเราไม่หาเอง-เราก็ไม่พบ

       อาจจะเป็นบทความ นิยาย  เรื่องสั้น ขำขัน ตำรา ฯลฯ หรือเราอาจจะชอบหลายอย่างก็เป็นไปได้ พยายามหาให้พบ  เมื่อพบแล้วก็อ่านให้เป็นนิสัย อ่านทุกวัน ทั้งวันที่มีเวลาและไม่มีเวลา วันที่ขยันและขี้เกียจ วันที่มีแรงมากและแรงน้อย มีแต่คนที่ตั้งใจไร้ข้อแม้และข้อแก้ตัวเท่านั้น ที่จะเดินทางถึงที่หมายตามกำหนด

       อย่าเอาแต่อ่านเกี่ยวกับประโยชน์ของการอ่าน  หรือหลักการของการอ่าน โดยไม่นั่งลงและหยิบหนังสือมาอ่านจริง ๆ

ถ้ามีคนอยากเดินทางอยู่ 2 ประเภท คือ

ประเภทที่ 1 เอาแต่อ่านแผนที่ และ

ประเภทที่ 2 ออกเดินทางไปยังสถานที่ที่ไม่เคยไปโดยไม่ยอมดูแผนที่

คนประเภทที่ 1 จะไม่หลงทางแต่ก็ไม่เคยเดินทางถึง

คนประเภทที่ 2 แม้ออกเดินทางจริง  แต่อาจหลงทางอยู่นานกว่าจะเดินทางถึง

read travel 1

       ท่านที่เป็นแฟนเว็บนี้ ผมขอถามหน่อยเถอะครับ ท่านอ่านภาษาอังกฤษทุกวันจนเป็นนิสัยหรือเปล่า ถ้าท่านยังไม่มีนิสัยนี้ ท่านอาจจะเป็นนักเดินทางประเภทที่ 1   คือ อ่านหนังสือแผนที่ แต่ไม่เคยออกเดินทาง

       แต่ถ้าท่านอ่านอยู่บ้าง แต่เลือกเรื่องที่ไม่เหมาะ  เช่น เรื่องที่ยาวเกินไป  เรื่องที่ยากเกินไป เรื่องที่ไม่ชอบ เรื่องที่ไม่เคยเอามาใช้ อ่านอย่างหลงทางไร้จุดหมาย อย่างนี้ท่านอาจจะเป็นนักเดินทางประเภทที่ 2 คือ นักเดินทางที่ไม่เคยดูแผนที่

read travel 2

 

       ผมขอคุยด้วยสั้น ๆ แค่นี้แหละครับ ความผิดๆ พลาดๆ ที่คุยนี้ผมเองเคยเป็นมาแล้วทั้งนั้น และไม่อยากให้ท่านเสียเวลาเหมือนกับที่ผมเคยเสีย

       และวันนี้ผมมีอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ จะแนะนำท่านที่ชอบอ่าน story, ท่านใดที่ไม่ชอบจะอ่านด้วยก็ได้ครับ

       ในเว็บนี้มี story มากมายให้ท่านอ่านจากเว็บ หรือเป็นไฟล์ให้ดาวน์โหลดไปอ่าน offline, คลิก:


       read travel 3

       วันนี้ผมจะแนะนำเพิ่มเติมอีก 1 เว็บ คือ http://storystar.com  ซึ่งมี story ให้หลากหลายให้เลือกอ่าน

       แต่ละเรื่องมีดาวกำกับตามความน่าอ่านที่มีผู้แนะนำ จากน่าอ่านน้อยสุด1 ดาว, ไปจนถึงน่าอ่านมากสุด 5 ดาว,

[1] เรื่องจากบนลงล่าง, เรื่องตีพิมพ์ใหม่อยู่ข้างบน, เรื่องเก่าอยู่ข้างล่าง

[2] เรื่องที่ได้รับการคัดเลือกเป็นเรื่องเด่นรายเดือน แยกตามประเภทต่าง ๆ

[3] เรื่องจริง (True Stories)

[4] เรื่องสั้น –แบ่งตามประเภทของผู้อ่าน (Short Stories)

[5] เรื่องสั้น–แบ่งตามประเภทของ Theme(Short Story Themes)

คลิกประเภทของเรื่องที่จะอ่าน ในเมนูด้านซ้ายมือของหน้า

[6] เว็บอื่น ๆ ทำนองนี้ยังมีอีกเยอะ

คลิก 


        read travel last

       ถ้าท่านถามว่า การอ่าน story มีประโยชน์ยังไง ผมขอตอบสั้น ๆ สำหรับท่านที่ต้องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของตนเอง คือผมขอพูดง่าย ๆ ว่า ถ้าอ่านเก่งก็จะช่วยให้พูดเก่งด้วย เส้นทางการไหลของทักษะ มันมีอย่างนี้ครับ

 [1] เมื่อเราอ่านทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอ่าน story ที่เราชอบมากสักหน่อย  ที่ไม่ยาวเกินไป ไม่ยากเกินไป เราจะได้เห็นประโยคที่นักประพันธ์ใช้เล่าเรื่อง และประโยคสนทนาที่ตัวแสดงในเรื่องใช้พูดกัน และประโยคพวกนี้แหละครับ  ที่เราจะค่อย ๆ สังเกต  ศึกษา ซึมซับ และจับมาใช้พูด  เราจะค่อย ๆ ทำได้เองโดยอัตโนมัติครับ

[2] นอกจากการผูกประโยคตามข้อ [1] แล้ว การอ่านบ่อย ๆ ยังช่วยให้เรารู้จักการเล่าเรื่อง เรื่องนี้เห็นได้ไม่ยากครับ คนไทยหลายคนภาษาไทยแท้ ๆ ยังเล่าไม่ค่อยรู้เรื่อง เรียงเหตุการณ์สลับไปสลับมาอย่างผิดๆ ถูก ๆ  เอาหลังมาพูดก่อน  เอาก่อนไปพูดทีหลัง อย่างที่เขาชอบแซวกันเล่น ๆ ว่า บางคนพูดได้หลายภาษา ยกเว้นภาษาคนภาษาเดียวพูดไม่เป็น ทักษะการผูกประโยคเพื่อเล่าเรื่อง ให้คนฟังรู้สึกเข้าใจและเร้าใจ นี่ก็ได้มาจากการอ่านเช่นกันครับ

[3] สำหรับท่านที่อ่าน story เป็นประจำ ท่านจะได้เกร็ดความรู้หรือความเพลิดเพลินจาก story ที่อ่าน ท่านจะเห็นจริงได้ง่าย ๆ ตามที่ผมพูด คือเรื่องราวความรู้อันเดียวกัน ท่านอาจจะได้มาจากตำราวิชาการแห้ง ๆ  หรือ story ที่มีตัวละครก็ได้ แต่ถ้าเป็น story  เรื่องราวที่ท่านเก็บมาเล่าต่อ มันจะมีอารมณ์  และเล่าได้เพลิน  ออกรสออกชาติ มากกว่าตำราวิชาการฝืด ๆ เพราะฉะนั้น คนอ่าน story มาก ๆ ก็จะสะสมมุกเด็ด ๆ เอามาใช้เป็นประเด็นสำหรับ “small talk” ได้ง่าย ๆ เมื่อต้องคุยกับผู้คน  

[4] story ที่เราชอบ ที่ไม่ยากเกินไป ไม่ยาวเกินไป เราสามารถเดาศัพท์ที่ไม่เคยเห็น หรือไม่แน่ใจ จากเรื่องที่อ่านได้ง่าย  ถ้าครั้งแรกเจอแล้วจำไม่ได้ก็ช่างมัน  เพราะว่าถ้าไปเจอซ้ำในที่อื่น  ก็จะค่อย ๆ จำได้เอง  ข้อสำคัญให้พยายามออกเสียงอ่านคำศัพท์ในใจ หรือถ้าเปล่งเสียงออกมาได้ก็ยิ่งดี  มันจะช่วยให้จำได้ง่ายขึ้น และพอจะดึงมาใช้เวลาพูดสนทนาภาษาอังกฤษ ก็จะมั่นใจขึ้นเยอะ เพราะอย่างน้อยเราได้ซ้อมพูดเป็นคำ ๆ มาแล้ว ถึงเวลาจริงที่จะพูดเป็นประโยคก็ฮึดอีกนิดนึงเท่านั้นเอง

[5] การที่ผมขอให้ท่านพยายามลงทุนหาให้เจอเรื่องที่ท่านรักหรือมีความสุขที่จะอ่านก็เพราะว่า   ประโยคใน story หรือ fiction  เหล่านี้ที่เราอ่านจะจับใจหรือดูดซับอยู่ในสมองของเราได้ง่าย ไม่เหมือนตำราวิชาการที่แห้งแล้ง เมื่อเข้าทางขมับซีกซ้ายก็จะไหลออกทางขมับซีกขวาทันที  อย่างเช่น ถ้าเราเป็นคนรักเด็ก (คนโดยทั่วไปก็รักเด็กเล็ก ๆ อยู่แล้ว) เราจะสามารถจดจำภาษาอังกฤษง่าย ๆ ที่ใช้บรรยายพฤติกรรมที่น่ารักของเด็กแรกเกิด และถ้าเราเพิ่มความใส่ใจลงไปอีก 1 ขีด มันก็จะจดจำได้ไม่ยากนัก

[6] เรื่องเล่าใน story ง่าย ๆ  มักจะใช้ past tense หรือ past continuous tense นี่เป็นการเรียนการใช้ tense ที่ง่ายและเป็นธรรมชาติที่สุด  เราอ่านแล้วก็จดจำมาใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องไปท่องตำรา

       ที่พูดมาทั้งหมดนี้คือแผนที่ ดูแผนที่แล้วต้องก้าวเท้าออกเดินทางด้วยขาของตัวเองทุกวันครับ

พิพัฒน์

https://www.facebook.com/EnglishforThai

Google
Search WWW Search Blog e4thai Search www.e4thai.com