จะอ่านและเดาศัพท์ได้ ต้องรู้จัก part of speech (ชนิดของคำ)
สวัสดีครับ
ผมเข้าใจว่า คนฟิตภาษาอังกฤษก็อยากอ่านภาษาอังกฤษรู้เรื่องทุกคน แต่พออ่านแล้วไม่รู้เรื่องเพราะไม่รู้ศัพท์ก็เปิดดิก ก็มีผู้รู้แนะอีกว่าอย่าเปิดบ่อยนัก ให้เปิดเฉพาะคำที่จำเป็นต้องรู้จริง ๆ คำไหนไม่จำเป็นก็เดาเอามั่งก็ได้ แต่ปัญหาก็คืออ่านก็ไม่รู้เรื่อง เดาก็เดาไม่ออก แถมไม่ให้เปิดดิกซะอีก แล้วคราวนี้จะให้ทำยังไง ไปไม่เป็นแล้ว
ปัญหาที่พูดมานี้ น่าจะเกิดกับคนที่เรียนภาษาอังกฤษอย่างกระปลกกระเปลี้ยมาตลอดชีวิตการเรียน ครั้นมาทำงานและจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษ เขาก็รู้สึกว่า ฟิตยังไงมันก็ไม่ยอมกระปรี้กระเปร่า กระชุ่มกระชวย กระฉับกระเฉง
ถ้าท่านใดอยู่ในสภาพอย่างนี้ ผมขอบอกว่า ท่านอย่าได้ท้อเลยครับ และปัญหาของท่านนี้ก็แก้ไขได้ เพียงแต่โรคบางอย่างต้องใช้ทั้งกายภาพบำบัด, กินยาครบตามหมอสั่ง, กินอาหารครบ 5 หมู่, ออกกำลังกายสม่ำเสมอ, และอย่ากินเครื่องดื่มให้โทษหรือของแสลง อาการที่หลายคนฟิตแล้วไม่เฟิร์มก็เพราะไม่ทำตามหมอสั่ง มันก็แค่นี้แหละครับ
อย่างเรื่องโรคอ่านภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องนี้ มันอาจจะต้องใช้เวลารักษานานหน่อย โดยยาที่ต้องกิน มี 4 ตัวดังนี้ครับ
❶อ่านภาษาอังกฤษทุกวัน วันละอย่างน้อย 30 นาที และทุกนาทีต้องอ่านด้วยสมาธิ
❷อ่านเรื่องที่ไม่ยากเกินไป คือ เป็นเรื่องที่พอเดาได้ ท่านจะต้องหาเรื่องพวกนี้มาอ่านก่อน พออ่านไปเรื่อย ๆ ท่านก็จะสามารถขยับระดับความยากได้เอง แต่ในช่วงที่กระดูกยังอ่อน ปีกยังไม่กล้า ขายังไม่แข็ง ท่านก็ต้องเปิดใจยิ้มรับความจริง หาเรื่องง่าย ๆ ที่เหมาะกับตัวเองมาอ่านไปพลาง ๆ ก่อน
❸ นอกจากหาเรื่องง่าย ๆ แล้ว ท่านยังต้องยอมลงทุน หาให้พบเรื่องที่ท่านสนใจ หรือรักที่จะอ่าน และไม่ต้องรอให้คนอื่นหาให้ท่าน แต่ท่านต้องหาเอง ในเว็บ www.e4thai.com นี้ก็มีเยอะ ลองหาดูก็น่าจะเจอ
❹ข้อสุดท้ายที่ผมขอเพิ่มวันนี้ก็คือ เรื่องการฝึกเดาคำศัพท์ที่ไม่รู้นั่นแหละครับ
คือเรื่องเดานี่นะครับ ผมดูไปดูมาแล้วก็เห็นว่า มันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ และบางเรื่องก็สอนกันยาก และเรื่องพื้นฐานที่สุดที่ผมเห็นว่าทุกคนต้องรู้ ก็คือเรื่อง part of speech หรือ ชนิดของคำ ในภาษาอังกฤษ นั่นแหละครับ
เราคงจำกันได้นะครับว่า คำในภาษาอังกฤษมีอยู่ทั้งหมด 8 ชนิด คือ noun, pronoun, verb, adjective, adverb, preposition, conjunction และ interjection และที่อาจจะชวนงงบ้างก็คือ ศัพท์บางคำเป็นได้หลายชนิด เช่น คำว่า light เป็นได้ทั้ง noun, verb, adjective และ adverb
คราวนี้เมื่อเราอ่านภาษาอังกฤษ ถ้าเราเจอศัพท์ตัวใดและไม่รู้ความหมาย แต่ถ้าเรามองออกว่า มันเป็นคำชนิดใด เช่น
- เป็น noun และกำลังทำหน้าที่เป็น ประธานหรือกรรม
- เป็น verb ซึ่งกำลังแสดงอาการของประธาน
- เป็น adjective กำลังทำหน้าที่ขยาย noun
- เป็น adverb กำลังทำหน้าที่ขยาย verb หรือขยายทั้งประโยค
ถ้าเราสามารถมองออกอย่างนี้ มันก็ง่ายขึ้นในการเดาความหมายของมัน เช่น ประธานเป็น dog แต่ verb ของประธานเป็นคำที่เราไม่รู้จัก เช่น คำว่า bay, howl, slaver, snap, wag, whine เราก็ไม่ต้องไปคิดว่า verb พวกนี้เป็นคำที่หรูหราอะไรมากมาย มันจะต้องไม่ใช่กิริยาของคนเด็ดขาด เพราะยังไง ๆ มันก็ต้องเป็นกิริยาของหมาแน่ ๆ และถ้าคำที่วางต่อมาในประโยคนั้นเป็นกรรมหรือคำขยาย ที่เราพอจะรู้คำแปลอยู่บ้าง ไอ้คำกริยาของหมาพวกนี้ เราก็น่าจะเดาออกบ้างไม่มากก็น้อย
การเดาอย่างนี้ก็คล้าย ๆ กับการดูบอลในสนาม เราอาจจะไม่รู้หรือจำไม่ได้ว่าผู้เล่นคนนี้ชื่ออะไร แต่จุดที่เขากำลังยืนหรือวิ่งอยู่ในสนาม อย่างน้อยเราก็พอเดาได้คร่าว ๆ ว่าเขาอยู่ในตำแหน่งอะไร และกำลังส่งลูกไปให้ผู้เล่นตำแหน่งอะไร การที่เรารู้ชนิดหรือตำแหน่งของคำศัพท์ มันก็ช่วยให้เราเดาเกมการเล่นของประโยค ได้ในทำนองเดียวกัน
สำหรับการศึกษาลักษณะของคำทั้ง 8 ชนิดนี้ ถ้าเราอ่านภาษาอังกฤษอยู่เรื่อย ๆ เราก็จะแยกแยะได้เองว่า ศัพท์อะไรทำหน้าที่เป็นคำอะไรในประโยคที่เรากำลังอ่าน แต่ถ้าท่านต้องการอ่านคำอธิบายในเรื่องนี้ และทำแบบฝึกหัดเพื่อให้เกิดความชำนาญภาคทฤษฎี ก็มีเว็บเยอะแยะให้ศึกษา ซึ่งผมได้รวบรวมไว้ข้างล่างนี้
คำอธิบายจากเว็บไทย
คำอธิบายจากเว็บอังกฤษ
ลิงก์ 1 คลิกดาวน์โหลด ●ลิงก์ 2 ● ลิงก์ 3
แบบฝึกหัดจากเว็บไทย
ลิงก์ 1 ●ลิงก์ 2 ● ลิงก์ 3 ● ลิงก์ 4
แบบฝึกหัดจากเว็บอังกฤษ
ลิงก์ 1 ●ลิงก์ 2 ● ลิงก์ 3 คำในโจทย์ที่เป็นตัวเอน เป็นคำอะไร●ลิงก์ 4 ● ลิงก์ 5●ลิงก์ 6 ●ลิงก์ 7 ●ลิงก์ 8 ●ลิงก์ 9 ● ลิงก์ 10
ลองฝึกดูนะครับ ไม่มีอะไรยากเกินความพยายามหรอกครับ
พิพัฒน์