Google WWW Blog e4thai www.e4thai.com

แปลไม่ยากหากแปล “ง่าย ๆ”

 สวัสดีครับ

       ในการแปลเพื่อเล่าเรื่อง หากเป็นการแปลอย่างเอาจริงเอาจัง,  แปลอย่างเป็นทางการ, แปลแล้วพิมพ์ออกเป็นลายลักษณ์อักษรให้คนอ่าน, แปลแล้วต้องเนี๊ยบห้ามผิดแม้แต่นิดเดียว...  ถ้าต้องแปลอย่างนี้ก็แปลยาก

       แต่ถ้าเป็นการแปลง่าย ๆ คือ นั่งคุยกัน เดินคุยกัน กับคนต่างชาติ และหยิบเรื่องนั้น เรื่องนี้ เกี่ยวกับเมืองไทยมาเล่า ถ้าแปลแล้วเขารู้เรื่องก็ถือว่าใช้ได้ ไม่จำเป็นต้องแปลให้เนี๊ยบ... การแปลง่าย ๆ อย่างนี้แปลไม่ยาก

       เทคนิคในการแปลง่าย ๆ มี 2 ข้อเท่านั้น คือ

[1] อันดับแรก ให้แปลจากไทยเป็นไทยเสียก่อน คือแปลจากไทยยากให้เป็นไทยง่าย, แปลจากเรื่องที่ซับซ้อนให้เป็นเรื่องที่กระชับ, ถ้าเรื่องที่จะเล่ามันยาวมาก, แต่ละประโยคที่เล่าก็ยาวมีส่วนขยายเยอะแยะ,  ก็เฉือนให้เป็นชิ้น ๆ ซะก่อน, ไม่ต้องเก็บทุกรายละเอียด, แต่เก็บเฉพาะประเด็นสำคัญ และก็แปลเล่าให้เขาฟัง แบบสรุป-ย่น-รวบ-ย่อ  นี่คือการแปลไทยเป็นไทย ต้องทำตรงนี้ก่อน

[2] อันดับสอง แปลไทยเป็นอังกฤษ  ให้เลือกใช้ศัพท์ที่เป็นภาษาพูดง่าย ๆ, ใช้ประโยคสั้น ๆ หรือไม่ยาวเกินไป, ถ้าพูดเรื่องเก่าที่เกิดขึ้นแล้วก็ใช้ verb ช่อง2 - I ate rice, ถ้ามันจะเกิดในอนาคตก็ใช้ will นำหน้าซะหน่อย – I will eat rice,  เล่าได้อย่างนี้ก็หรูแล้ว

       สมมุติว่า ท่านมีคนต่างชาติที่จะคุยด้วย อาจจะเป็นแขกของที่ทำงานที่ท่านจะพาเที่ยว หรือพาไปกินข้าว, หรือเป็นคนต่างชาติที่เจอระหว่างทาง บนรถตู้ รถไฟ รสบัส รถสองแถว ขณะเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยว, หรือกับใครก็แล้วแต่  ในโอกาสไหนก็แล้วแต่ เราย่อมมีโอกาสพูดเล่าอะไร “ง่ายๆ” อย่างไม่เป็นทางการทั้งนั้น และข้างล่างนี้เป็นตัวอย่างของการพูดง่าย ๆ โดยใช้เทคนิค 2 ข้อ  คือแปลไทยเป็นไทยง่าย ๆ ก่อน แล้วจึงค่อยแปลไทยเป็นอังกฤษง่าย ๆ

       ตัวอย่างที่ให้ไว้ข้างล่างนี้ ขอให้ท่านจินตนาการว่า เป็นถ้อยคำที่ท่านจะใช้เพื่อพูดกับคนต่างชาติ  เพราะฉะนั้นท่านไม่จำเป็นต้องพูดเนี๊ยบเหมือนเป็นภาษาเขียน ท่านจะพูดกลับไปกลับมาหรือพูดซ้ำ ๆ บ้างก็ไม่เป็นไร หรือพูดแล้วจะเปลี่ยนศัพท์หรือเปลี่ยนรูปประโยคที่ใช้ก็ได้   ไม่มีใครว่า ขอให้สื่อความได้ก็ใช้ได้

ตัวอย่างที่ 1

ham1

 แปลป้ายให้คนต่างชาติฟัง

คลิกดู

ตัวอย่างที่ 2

nonwatpo

เมื่อเราเข้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยว เช่นวัด และเรามีความรู้ทางประวัติศาสตร์อยู่บ้าง ก็อยากจะเล่าให้เขาฟัง อย่างเช่นไปเที่ยวพระนอนวัดโพธิ์

คลิกดู

ตัวอย่างที่ 3

rabbitturtle

ผมอยากจะแนะนำให้ท่านลองฝึกแปลเรื่องอะไรก็ได้ที่ง่ายมาก ๆ ที่ท่านรู้ดีอยู่แล้ว โดยให้นึกว่าจะเล่าให้เพื่อนต่างชาติฟังเป็นภาษาอังกฤษ  แต่ละประโยคที่จะแปลท่านลองนึกเป็นภาษาไทยก่อน แล้วก็เปลี่ยนให้เป็นภาษาอังกฤษ  ยกตัวอย่างเรื่องเต่าวิ่งแข่งกับกระต่าย ถ้าเรื่องอย่างนี้ท่านแปลได้  เรื่องอื่น ๆ ที่ยากกว่านี้ –ยาวกว่านี้ - ยุ่งว่านี้ ท่านก็แปลได้ครับ

คลิกดู

ตัวอย่างที่ 4

yamo

แปลเพลงไทยให้เพื่อนต่างชาติฟัง – กรณีอย่างนี้ใช้กับคนที่เริ่มจะสนิท และถ้าเล่าได้จะเพิ่มความสนิทสนมมากขึ้นอีกเยอะทีเดียว  ผมเคยลองมาแล้ว  ในที่นี้ผมขอให้ท่านดูการแปลเพลง “กราบเท้าย่าโม” ของคุณสุนารี ราชสีมา  ถ้ายึดหลักว่าขอแปลง่าย ๆ มันก็แปลไม่ยากครับ

คลิกดู

       ท่านผู้อ่านครับ ท่านลองฝึกดูนะครับ  การฝึกแปลอย่างนี้จะช่วยให้เรามีอะไรคุยมากขึ้นอีกเยอะกับคนต่างชาติ  เพราะมันเป็นการ “เล่า” ที่ต้องพูดยาวหน่อย ไม่ใช่เป็นเพียง dialogue ที่พูดโต้ตอบกันคนละคำสองคำแล้วก็เลิก ในตอนแรก ๆ ท่านอาจจะเจอปัญหาสามัญ 2 ข้อที่ทุกคนเจอ คือ (1)นึกศัพท์ไม่ออกกับ(2)ผูกประโยคไม่ถูก ก็ฝึกง่าย ๆ อย่างนี้แหละครับ คือ ถ้านึกศัพท์ไม่ออกก็ใช้ศัพท์ง่าย ๆ อะไรก็ได้ของระดับชั้นประถมในการเล่าเรื่อง และถ้านึกแต่งประโยคเต็ม ๆ ไม่ได้ก็เล่าโดยใช้วลีหรือกลุ่มคำ  เอามาต่อ ๆ กัน  คือพูดเล่ายังไงก็ได้ ให้เขารู้เรื่องที่เราอยากจะเล่า

       การแปลภาษาอังกฤษเพื่อพูดเล่าเรื่องนั้น หากแปล “ง่าย ๆ” มันก็ไม่ยากหรอกครับ และการฝึกแปลเพื่อพูดเล่าเรื่องง่าย ๆ เช่นนี้จะค่อย ๆ สร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการพูดที่ยาก เนี๊ยบ เป็นทางการ และหรูหรามากขึ้น

       ขอให้ทุกท่านอย่าได้เกลียด-กลัวเส้นทางการฝึกที่นำไปสู่ความสำเร็จเลย

พิพัฒน์

Google
Search WWW Search Blog e4thai Search www.e4thai.com