อีก 1 วิธีที่ช่วยพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษ แน่ ๆ !!

3 way to speak
สวัสดีครับ
       เท่าที่ผมสำรวจดูเว็บไซต์ต่าง ๆ ทั้งเว็บไทยและเว็บฝรั่ง ที่สอนวิธีฝึกพูด(และเขียน)ภาษาอังกฤษ ผมไม่ค่อยได้เคยเจอเว็บที่สอนวิธีที่ผมจะแนะนำต่อไปนี้ เพราะฉะนั้นวันนี้ผมจะพูดเรื่องนี้
       เคยอ่านพบว่า คนไทยอ่านหนังสือน้อย ปีละไม่กี่บรรทัด ข่าวนี้อาจจะพูดเว่อเกินไปหน่อย แต่ถึงกระนั้น ถ้าถึงขั้นใช้จำนวนบรรทัดมาบอกปริมาณการอ่าน ก็คงเหมาได้ว่า คนไทยไม่ชอบอ่านหนังสือ หรืออ่านหนังสือน้อยมาก แต่เมื่อจะรับข่าวสารหรือความรู้ ก็คงรับโดยการฟังจากเน็ตหรือทีวีมากกว่าการอ่าน เพราะไม่ชอบอ่าน
       และเมื่อภาษาไทยยังไม่ชอบอ่าน ภาษาอังกฤษคงไม่ต้องพูดถึง
       เมื่อพูดถึงทักษะภาษาอังกฤษ ผมเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่อยาก "พูด" ได้ มากกว่าอยากเขียนหรืออยากอ่าน พูดง่าย ๆ ก็คือ ให้พูดได้ก็แล้วกัน ส่วนจะเขียนหรืออ่านได้คล่องหรือไม่- ค่อยว่ากันทีหลัง
       แต่ที่ผมจะบอกก็คือว่า การฝึกอ่านภาษาอังกฤษนี่แหละครับ จะช่วยให้ท่านสามารถพูด(และเขียน)ภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น เพราะว่าศัพท์ สำนวน และลีลาของภาษาที่ท่านได้จากการอ่านนั้น จะเป็นวัตถุดิบที่ท่านหยิบไปใช้ได้เมื่อเวลาจะพูด(หรือเขียน)
       แต่... นี่เป็น "แต่" ที่สำคัญ แต่ท่านจะต้องเลือกสิ่งที่ท่านจะฝึกอ่าน
       คำถามก็คือ ต้องอ่านอะไรจึงสามารถเป็นต้นทุนในการพูด?
       ขอตอบว่าสิ่งที่ท่านอ่าน ควรจะเป็นสิ่งที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า basic English, simple English หรือ plain English หรือมี Readability(ความอ่านง่าย) สูง ซึ่งมักมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1.ใช้ศัพท์ง่ายหรือศัพท์พื้นฐาน
2.เขียนด้วยประโยคสั้น ๆ หรือใช้แกรมมาร์พื้นฐานที่ไม่ซับซ้อน
3.ใช้สไตล์การเขียนที่ทำให้เรื่องซับซ้อนเข้าใจง่าย หรือเขียนโดยใช้ plain English
       การเขียนในลักษณะข้างต้นนี้ สามารถใช้ได้ทั้งในการเขียนข่าวและบทความ และเป็นภาษาเขียนง่าย ๆ ที่ห่างไกลจากสำนวนทางวิชาการ เป็นภาษาที่สุภาพ ชัดเจน สั้น ง่าย สามารถหยิบเอาไปใช้พูดได้ทันที และถ้าอ่านภาษาพวกนี้บ่อย ๆ ก็จะช่วยให้เรามีนิสัยและทักษะในการใช้ภาษาอย่างนี้ตามไปด้วย
       มีเว็บไซต์ใดบ้างที่เขียนข่าวและบทความทำนองนี้?
       ต้องเรียนว่า เท่าที่ผมหาดู มีน้อยมาก (เข้าทำนอง เขียนง่าย-เขียนยาก, เขียนยาก-เขียนง่าย) เพราะมันควรจะมีเนื้อหาหลากหลาย ซึ่งรวมเรื่องที่เราสนใจอยากอ่านอยู่ในนั้นด้วย เพราะว่าถ้ามีแต่เรื่องอ่านง่าย แต่ไม่มีเรื่องที่เราอยากอ่าน เราก็ไม่อ่านอยู่นั่นเอง
      ณ ตอนนี้ ผมหามาได้แค่ 3 เว็บเท่านั้นเองครับ

1. Simple English Wikipedia (สารานุกรม - บทความ)

ใช้ศัพท์ชุด 850 คำ หรือ 1,500 คำ
https://simple.wikipedia.org/wiki/Main_Page 

ตัวอย่าง

→ United States

→ Buddhism

2. VOA Learning English (ข่าว - บทความ)

ใช้ศัพท์ 1,500 คำ
http://learningenglish.voanews.com/ 
อ่านข่าวย้อนหลังไปเรื่อย ๆ
ตัวอย่าง
Report: Eight Men Own as Much Wealth as Half the World's Population
Future Shines Bright for Solar Energy Use in India

3. The Times in Plain English (ข่าว)

ใช้การเขียนตาม Flesch-Kincaid Grade Level คือ ใช้ศัพท์สั้น ๆ แต่ละคำมีน้อยพยางค์, ใช้ประโยคสั้น ๆ แต่ละประโยคมีศัพท์น้อยคำ
http://www.thetimesinplainenglish.com/ 
อ่านข่าวย้อนหลังไปเรื่อย ๆ
ตัวอย่าง
Fidel Castro is Dead, What Happens in Cuba?
The Skinny on Fats    


          เมื่อเข้าไปที่ 3 เว็บข้างบนนี้ ท่านสามารถหาเรื่องที่ท่านอยากอ่านโดยพิมพ์คำค้นในช่อง Search หรือดูเรื่องหรือหัวข้อในเมนูที่เว็บแสดง โดยเมื่อเจอข่าวหรือบทความที่สนใจ ผมขอแนะนำวิธีอ่านอย่างนี้ครับ

        อย่ารีบร้อนอ่านเพื่อให้รู้เรื่องเร็ว ๆ ค่อย ๆ ละเลียดอ่านก็ได้ครับ การอ่านออกเสียงช้า ๆ ที่ดังพอให้ตัวเองได้ยิน หรือออกเสียงในใจก็ได้ เป็นวิธีฝึกที่ดีครับ
        ให้สังเกตการใช้คำศัพท์ที่ค่อนข้างง่าย และการผูกประโยคที่สั้นและไม่ซับซ้อน
        เมื่ออ่านจบประโยค, จบย่อหน้า หรือจบหัวข้อ ท่านสามารถฝึกพูด ณ ตอนนี้ได้เลย โดยเนื้อหาเดียวกันที่ท่านเพิ่งอ่านจบนี้ ถ้าท่านต้องสื่อความให้เพื่อนฟัง ท่านจะพูดว่ายังไง? ก็พูดประโยคเหล่านั้นออกมา(ช้า ๆ) อาจจะสรุปเหลือแค่ 2 - 3 ประโยคก็ได้ ท่านอาจจะย้อนไปอ่านอีก(2-3)ครั้ง หรือจะพูดโดยใช้สำนวนภาษาของตัวเองก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเหมือนต้นฉบับ แต่อย่างน้อยเนื้อหาที่อยู่ข้างหน้าท่าน จะช่วยเป็นแนวให้ท่านเห็นตัวอย่างว่า ถ้าจะพูดเล่าเรื่องชนิดง่าย ๆ สั้น ๆ จะพูดยังไง
       ลองฝึกดูนะครับ
พิพัฒน์
https://www.facebook.com/En4Th