เรื่องการฝึกอ่านให้คล่อง: คำแนะนำนิดหน่อยก็พอ แต่ความพยายามต้องเยอะและยาว

พยายาม หลวงปู่ดู่
สวัสดีครับ
        สมัยโน้นก่อนที่เมืองไทยจะมีเน็ตและสมาร์ทโฟนใช้ ขณะนั่งรอรถที่สถานีหรือป้ายรถเมล์ หรือนั่งในรถสาธารณะ จะเห็นมีคนจำนวนหนึ่งเปิดหนังสืออ่านฆ่าเวลา แต่ทุกวันนี้ภาพอย่างนั้นไม่ค่อยมีให้เห็น มีแต่ดูข้อความและภาพใน social media ดูกันจริง ๆ จัง ๆ จนเรียกว่าเสพติดก็คงไม่ผิด ทำให้รู้สึกว่าคนไทยเรานั้นไม่ตกเทคโนโลยี แต่ก็ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาความรู้หรือการศึกษาเท่าที่ควร
       ผมกำลังคิดถึงเรื่องการอ่านภาษาอังกฤษให้คล่อง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากถ้าเราคิดว่าเราจะเป็นคนในโลกยุคใหม่ที่ไม่ตกยุค เมื่อวานนี้ผมดูข่าวนักศึกษาประเทศอัฟกานิสถานรับปริญญา ทุกคนให้สัมภาษณ์ BBC เป็นภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว แต่คนรุ่นพ่อแม่ของเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้จึงพูดให้สัมภาษณ์เป็นภาษาท้องถิ่น แล้วผมก็ย้อนมานึกถึงคนไทยยุคใหม่ ดู ๆ แล้วก็เห็นว่า ภาษาอังกฤษของเราส่วนใหญ่ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ไม่ว่าในการพูดหรือเขียน เรื่องพูดเราอ้างว่าพูดไม่ได้เพราะไม่มีใครพูดด้วย แต่เรื่องอ่านเราก็ยังอ่านไม่ได้แม้จะมีเรื่องให้อ่านมากมายตามเว็บโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อ
      ผมมานั่งถามตัวเองว่า เราคนไทยทั้ง ๆ ที่เป็นคนรุ่นใหม่ มีเรื่องให้อ่านผ่านเทคโนโลยี free online เยอะแยะ แต่ทำไมความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษของเรา จึงยังขรุขระทุรกันดารเหมือนนั่งเกวียนเดินทางบนถนนดินหรือลูกรัง ทั้ง ๆ ที่เราขับรถเก๋งไปบนถนนลาดยางที่แสนจะราบเรียบ
      ผมไม่อยากจะวิเคราะห์เรื่องนี้ ท่านลองพิจารณาตอบตัวเองแล้วกันครับ
      วันนี้ผมเปิดเน็ต และลองอ่านภาษาอังกฤษ 4 ชิ้นนี้
      [1] ข่าว Bangkok Post เรื่องนักโทษการเมืองชาวจีนผู้ต้องขังที่ได้รับรางวัลโนเบลตายและเผาศพโปรยอัฐิลงทะเล
             คลิกดู  
      [2] เป็นหนังสือภาษาอังกฤษอ่านอกเวลา Level 6 เรื่อง "เหยื่ออธรรม" ของวิคเตอร์ ฮูโก้ 

                   คลิกดู
      [3] ข่าวในหน้า นสพ.ข่าวสด ภาษาอังกฤษ เปรียบเทียบ 5 มาตราที่แตกต่าง ระหว่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กับฉบับเก่า
             คลิกดู
      [4] เป็นรัฐธรรมนูญของประเทศสหรัฐอเมริกา
            คลิกดู
      แล้วผมก็ถามตัวเองว่า ถ้าเป็นเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ผมจะอ่านได้รู้เรื่องเท่าทุกวันนี้หรือไม่ แน่นอน! คำตอบก็คืออ่านได้รู้เรื่องน้อยกว่า

      คำถามก็คือ แล้วเพราะอะไรถึงได้อ่านรู้เรื่องมากขึ้นทั้ง ๆ ที่ไม่มีครูสอน คำตอบก็คือ ผมฝึกอ่านด้วยตัวเองมาเรื่อย ๆ
     ฝึกด้วยตัวเองที่ว่านี้ ฝึกยังไง?
      ท่านที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้และรออ่านคำตอบ ผมขอบอกว่า ไม่ต้องรอหรอกครับ เพราะคำตอบของผม ไม่แปลก! ไม่ใหม่! ไม่มีอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษ! และก็ไม่มีอะไรที่เป็นเคล็ดลับ! หรือทางลัด!
      เอาอย่างนี้ก็ได้ครับ ท่านพิมพ์คำค้นว่า "วิธีอ่านภาษาอังกฤษให้คล่อง" ในกูเกิ้ล ก็จะเจอคำแนะนำดี ๆ เยอะแยะที่มีคนให้ไว้
           คลิกดู
       พยายาม หลวงปู่แหวน

ส่วนคำแนะนำของผมก็สามัญอย่างยิ่ง คือ
(1)อ่านทุกวัน
(2)เริ่มอ่านจากเรื่องที่ง่าย-เรื่องที่ชอบ-เรื่องที่พอรู้อยู่บ้าง
(3)ไม่ต้องเปิดดิกทุกคำ หัดเดา หัดตีความ หัดสังเกต ไปเรื่อย ๆ
(4)อ่านด้วยใจที่ "เย็น-นิ่ง-เงียบ" ถ้าใจ "ร้อน-ลุกลี้ลุกลน-โวยวาย" มันจะได้ผลน้อยและช้า
(5)ติดตั้ง add-on Dict ที่คลิกดูความหมายได้ทันที เช่น onelook.com → คลิก 
(6)ศึกษาเรื่องแกรมาร์พื้นฐานไว้หน่อยก็ดี เพราะช่วยให้แยกแยะโครงสร้างประโยคได้ คลิก 
       ขอแนะนำสั้น ๆ แค่นี้แล้วกันครับ เพราะอย่างที่พูดแล้ว คำแนะนำน่ะนิดหน่อยก็พอ แต่ความพยายามต้องเยอะและยาว
พิพัฒน์
https://www.facebook.com/En4Th/