พัฒนา reading skill โดยอ่านเรื่องย่อนิยาย best-seller
การได้อ่านนิยายภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เป็น best-seller จะได้ทั้งฝึกภาษาและสนุก, แต่ถ้าท่านรู้สึกว่าอ่านยากและไปได้ช้า ผมขอแนะนำให้อ่าน plot เรื่องที่ย่อจนจบเรื่องที่หน้าเว็บ Wikipedia
→ https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_best-selling_books
ซึ่งเขาแยกกลุ่มตามยอดขาย, และเมื่อท่านคลิกคอลัมน์ First published ให้เกิดเครื่องหมายสามเหลี่ยมหัวชี้ลงอย่างนี้ →▼ เว็บก็จะเรียงเล่มใหม่สุดไว้ข้างบน
หรือว่าท่านจะใช้ Control +F พิมพ์หาชื่อผู้แต่งหรือชื่อเรื่องที่ต้องการก็ได้, ถ้ามีก็จะเจอ
เหตุที่ผมแนะนำใหอ่านเรื่องย่อจากหน้าเว็บ Wikipedia ก็เพราะว่า เว็บนี้มีหลายเรื่องที่ย่อเต็มเรื่อง ไม่เหมือนเว็บอื่น ๆ ที่มักย่อหรือเล่าเรื่องเพียงนิด ๆ หน่อย ๆ และให้เราไปหาที่อื่นอ่านต่อเอาเอง
ผมขอสรุปประโยชน์ที่ท่านจะได้แน่ ๆ จากการอ่านเรื่องย่อจบเรื่องนิยาย best-seller พวกนี้ ดังนี้
[1] ท่านจะได้ศึกษาศัพท์-สำนวนภาษาอังกฤษแบบที่สื่อความได้ชัดเจนและกระชับ
[2] เนื่องจากเราอ่าน best-seller จึงเท่ากับเป็นการคัดมาชั้นหนึ่งแล้วว่า เนื้อเรื่องต้องสนุก ผมเองลองอ่านบางเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาเลย ก็สนุกจริง ๆ
[3] ทำให้ท่านได้รู้เรื่องยาว ๆ หลายร้อยหน้าในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากนี้ถ้ามีโอกาสก็หาฉบับ original มาอ่านก็จะอ่านได้รู้เรื่องง่ายขึ้น, ได้สนุกกับรายละเอียดมากขึ้น, และได้รู้ศัพท์และสำนวนมากขึ้น
ท่านลองอ่านเรื่องย่อจบเรื่องข้างล่างนี้ดูเป็นตัวอย่างครับ บางเรื่องสั้น บางเรื่องยาวหน่อย แล้วท่านน่าจะเห็นด้วยกับที่ผมพูดชักชวน
ท่านจะเริ่มอ่านตรงคำว่า Plot [edit] ก็ได้
- Love Story (1986) โดย Erich Segal
- Love You Forever (1986) โดย Robert Munsch
- The Girl on the Train (2015) โดย Paula Hawkins
- The Da Vinci Code (2003) โดย Dan Brown
- Harry Potter and the Philosopher's Stone (1997) โดย J. K. Rowling
หมายเหตุ
บ่อยครั้งที่นิยายภาษาอังกฤษ ใช้ศัพท์หรือความหมายที่ไม่มีอยู่ในดิกอังกฤษ-ไทย เพราะฉะนั้นผมขอแนะนำให้ท่าน → ติดตั้ง add-on Longman Dictionary (ใช้กับเบราว์เซอร์ Google Chrome) เพื่อดูความหมายของศัพท์พวกนี้เมื่ออ่านแล้วติดขัด
พิพัฒน์