ถ้าท่านเลือกภาษาอังกฤษเป็นเพื่อนร่วมเดินทาง สู่เป้าหมายในชีวิต

your goal

 

.......... เชื่อว่าทุกคนคงเห็นด้วยถ้าพูดว่า ยุคเน็ตทุกวันนี้ ฝึกภาษาอังกฤษได้ง่ายกว่าสมัยก่อน อยากรู้อยากเรียนอะไรก็เข้าไปหา เมื่อเจอก็ฝึก เมื่อฝึกก็เป็น แต่สมัยก่อนทำอย่างนี้ยาก

    ......แต่ทำไมเสียงบ่นเรื่องคนไทยฟังพูดอ่านเขียนอังกฤษได้ไม่ดี จึงยังดังอยู่ไม่ค่อยซา  นี่แสดงว่าแค่มีของให้เรียนยังไม่พอ ยังต้องมีอะไรมากกว่านี้ แต่มันคืออะไรล่ะ?

    ........ผมเองไม่ใช่นักวิชาการ เป็นชาวบ้านที่เรียนหนังสือจบในเมืองไทย จึงขอพูดตามสายตาของเว็บมาสเตอร์บ้าน ๆ

    ........คือเมื่อนักวิชาการ ผู้รู้ หรือคุณครูบอกว่า อยากจะฝึกให้เก่งเรื่องอะไรก็เข้าไปหาเถอะ มีทั้งเรื่องฟัง-พูด-อ่าน-เขียน ถ้าไม่ฝึกมันก็ไม่เป็น พูดอย่างนี้ก็กลายเป็นว่า คนที่บ่นคือจำเลย คือมีของให้เรียนแต่ไม่ยอมเรียน แล้วจะบ่นทำไม ขี้เกียจเองแล้วยังโวยวายอีก

    ........ผมมาดูแล้วการตำหนิหรือลงโทษอย่างนี้ก็ไม่ยุติธรรมนัก เพราะเมื่อเขาบ่นว่าเรียนด้วยตัวเองไม่รู้เรื่อง เขาไม่ได้โกหก เขาคงไม่รู้เรื่องจริง ๆ คืออ่านก็ไม่รู้เรื่อง ฟังก็ไม่รู้เรื่อง พูดก็ไม่ได้ เขียนก็ไม่ได้ เมื่อมีแค่ตัวหนังสือกับเสียงแต่ไม่มีครูสอน เมื่อเรียนแล้วงงก็ติดแหงกอยู่ตรงนั้น ไปต่อไม่ได้ แล้วจะให้ทำยังไง ขอบ่นสักหน่อยก็กลายเป็นจำเลยจอมขี้เกียจซะอีก

    .......ครูก็บอกว่า ก็เริ่มไอ้ตรงที่รู้เรื่องซี เรียนจบออกมารู้เรื่องแค่ไหน ก็กลับไป start ที่ตรงนั้นนั่นแหละ ถ้าเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ทักษะภาษาอังกฤษมีแค่คนจบชั้นมัธยม หรือประถม หรืออนุบาล ก็ย้อนกลับไปอ่านหรือฟังเรื่องที่ง่าย ๆ ระดับนั้นก่อน และไต่เต้าขึ้นมา จะเรียกว่านี่เป็นการ “แก้กรรม”  หรือ “สอบซ่อม” หรือเรียกยังไงก็ได้ทั้งนั้น  การฟิตย้อนหลังอย่างนี้ไม่ใช่เพื่อเอาใบประกาศฯ หรือ certificate แต่ย้อนกลับไปเก็บทักษะที่ตกหล่นไปเมื่อสมัยนั้น

    .......คำถามก็คือมันจะเรียนรู้เรื่องทันใช้รึ? ขนาดสมัยนั้นเรียนกับครูยังไม่ค่อยรู้เรื่อง แล้วสมัยนี้ให้เรียนเองแบบไม่มีครู มันจะรู้เรื่องรึ? หรือกว่าจะรู้เรื่องใช้งานได้ มันจะไม่เกษียณก่อนรึ?

    .......ยัง… ปัญหายังไม่หมดแค่นี้    เวลาที่มีก็ต้องหมดไปกับการทำงาน กลับถึงบ้านก็มีภาระครอบครัว เสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดก็มีกิจกรรมพิเศษรอทำ เราไม่ใช่คนโชคดีอย่างคนอื่น คงเก่งเหมือนเขาไม่ได้หรอก!

    .......คนโชคดีอย่างนั้นคือใคร? ก็คือคนที่ได้เรียนโรงเรียนดี ๆ ที่เน้นอังกฤษ มีครูฝรั่งหรือครูต่างชาติสอน หรือโชคดีพ่อแม่มีตังค์เยอะ ส่งเข้าเรียนคอร์สพิเศษได้ทั้งในหรือต่างประเทศ หรือได้เรียนเมืองนอก หรือได้ทำงานในออฟฟิศที่มีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษเยอะ ๆ เป็นประจำ

    .......ถ้าไม่ใช่คนโชคดีอย่างนั้น คนโชคร้ายอย่างเราจะเอายังไงดี?

    .......เรื่องที่ผมจะพูดต่อไปนี้ เอาเป็นว่าผมพูดกับผู้ใหญ่ที่เรียบจบแล้วหรือมีงานทำแล้ว ส่วนถ้าน้อง ๆ ที่ยังเรียนหนังสืออยู่เข้ามาอ่าน ก็ใคร่ครวญดูแล้วกันครับ ว่าจะวาง action plan ยังไงกับการฝึกภาษาอังกฤษของตัวเอง

    ......คือผมขอให้ท่านตอบคำถามข้อนี้ อย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา

    .......ทักษะภาษาอังกฤษ คือการฟังรู้เรื่อง อ่านรู้เรื่อง พูดจาโต้ตอบรู้เรื่อง และเขียนติดต่อสื่อสารรู้เรื่อง ทักษะการฟัง-พูด-อ่าน-เขียน 4 อย่างนี้   ท่านจะ ใช้ ทักษะใดไปในเรื่องอะไร ให้เป็นแก่นสารสาระอย่างจริง ๆ จัง ๆ ?

    .......ที่ผมถามอย่างนี้ก็เพราะว่า ผมมีความเชื่อว่า เมื่อโชคดีได้เกิดมาเป็นคน เราควรใช้ชีวิตให้ดีงามเต็มที่ และความหมายหนึ่งในหลาย ๆ ความหมายของ “เต็มที่” ก็คือได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และถ้า 2 ปัจจัยนี้ คือ (1)การมีทักษะและใช้ภาษาอังกฤษ และ(2)การบรรลุสิ่งที่รัก มันไปด้วยกันได้ ก็ลุยฝึกเลยครับ

.......แต่ถ้ามันไปด้วยกันไม่ได้ คือ (1)เราเกลียดหรือขี้เกียจฝึกภาษาอังกฤษ แต่(2)เราต้องการบรรลุสิ่งที่รักซึ่งจำเป็นต้องใช้ทักษะภาษาอังกฤษ  ถ้ามันขัดกันอย่างนี้ ท่านก็ต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าท่านจะเอายังไง ตอบอย่างมั่นใจโดยไตร่ตรองให้รอบคอบ และตอบโดยไม่ต้องแยแสความคิดเห็นของใคร เพราะชีวิตนี้เป็นของท่าน ไม่ว่าท่านจะเลือกไปทางไหนก็ไปให้เต็มที่ ไม่ใช่ไปอย่างครึ่ง ๆ กลาง ๆ

.......เอาละครับ สมมุติว่าท่านเลือกเส้นทางที่รักโดยมีภาษาอังกฤษเป็นเพื่อนร่วมเดินทาง ท่านก็ต้องมอบใจให้กับมัน โดยเชื่อและปฏิบัติตามที่ตัวเองเชื่ออย่างมั่นคง ว่า...

.......- แม้จะต้องย้อนกลับไปศึกษาก็ยินดีย้อน มันอาจจะยากหรือกินเวลายาว แต่ถ้าได้เดินก้าวแรกและเดินไม่หยุด มันก็ต้องเดินถึง

.......- บอกตัวเองว่า เราจะเป็นนายสั่งตัวเอง  เราจะเป็นครูสอนตัวเอง งานอย่างนี้คนขี้แพ้ทำไม่ได้ แต่เราไม่ใช่คนขี้แพ้

.......ผมขออวยพรให้ท่านโชคดีในเส้นทางนี้ เส้นทางที่ผมเองก็เดินมาแล้ว และยังเดินอยู่เรื่อย ๆ

.......แต่ถ้าท่านไม่เลือกเส้นทางนี้ ไม่เลือกให้ภาษาอังกฤษเป็นเพื่อนร่วมเดินทาง ผมก็ขออวยพรให้ท่านโชคดีเช่นเดียวกัน เพราะชีวิตคนเราเลือกได้หลายแบบตามที่เรารัก ทุกแบบดีทั้งนั้น ถ้าใช้ด้วยความดีงาม อดทน ขยัน และรอบคอบ

พิพัฒน์

www.facebook.com/en4th