Google WWW Blog e4thai www.e4thai.com

วิธีส่วนตัวที่ใช้ฝึกฟังภาษาอังกฤษ

pipat micky mouse t shirt 100        แต่ละคนคงมีวิธีส่วนตัวที่ต่างกัน ในการฝึกฟังภาษาอังกฤษให้ได้ผล วันนี้ผมขอเล่าวิธีที่ผมใช้
       เรื่องนี้ผมเคยพูดบ้างแล้ว แต่ผมขอนำวิธีที่ผมใช้ได้ผลมานานแล้วมาเล่าอีกสั้น ๆ เผื่อบางท่านจะใช้ได้ผลบ้าง
      【1】 ให้ท่านเลือก (1)เรื่องที่ท่านชอบและสนใจ เพราะจะช่วยให้ฟังได้ไม่เบื่อง่าย (2)เรื่องที่ไม่ยากเกินไป มีปนกันทั้งที่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องและฟังรู้เรื่อง จะได้พอเดาและตีความได้บ้าง ไม่หนักเกินไป
      【2】ขณะฟังให้จิดสงบตั้งมั่นอย่าว่อกแว่ก และอย่าใจร้อนหงุดหงิดเมื่อฟังไม่รู้เรื่อง คือถ้าหูรั่วแม้ฟังนานเข้าหูขวาก็ออกหูซ้ายไปหมด แต่... ถ้าทำใจไม่ได้ก็อย่าตำหนิตัวเองแรงเกินไป เราตั้งใจใหม่ได้เสมอ
     【3】ขอแนะนำเว็บฟัง คือ Bangkok Post Learning ซึ่งมีให้เลือกฝึกฟังและฝึกอ่าน 3 ระดับ คือ

  1. ระดับ REALLY EASY NEWS 
  2. ระดับ EASY NEWS 
  3. ระดับ ADVANCED NEWS 

    【4】 เที่ยวแรก ๆ ให้ฟังอย่างเดียว อย่าอ่าน มันจะมีทั้งที่ฟังรู้เรื่องและฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ขอแนะนำว่า ถ้าฟังรู้ไม่รู้เรื่องหรือรู้เรื่องน้อยมาก ก็ให้ฟังซ้ำ ๆ อาจจะสัก 5 – 10 เที่ยวก็ได้ และท่านอาจจะพบว่า (1)มีบางคำที่เที่ยวแรก ๆ ฟังไม่รู้เรื่องหรือฟังไม่ทัน แต่เที่ยวหลัง ๆ ฟังรู้ (2)มีบางคำที่เมื่อฟังเที่ยวแรก ๆ ไม่รู้จักและจับไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันคือคำว่าอะไร แต่เที่ยวหลัง ๆ จับได้ว่าคือคำอะไรแต่ก็ยังคงไม่รู้จักเพราะลืมไปแล้วหรือไม่เคยเห็น แต่ถ้าท่านทำ 2 ข้อนี้ได้แม้เพียงเล็กน้อยก็ให้ภูมิใจได้แล้วแหละครับ
             การฟังรู้เรื่องเช่นนี้ยังเป็นผลมาจากความเข้าใจเรื่อง (1) ชนิดของคำ, (2) ชนิดของประโยค และ (3) อนุประโยค และวลี (==> คลิกศึกษาซึ่งน่าจะศึกษาให้แน่นเป็นทุนตั้งต้น ถ้าท่านฝึกฟังไปเรื่อย ๆ และสงสัยว่าคำศัพท์ก็พอรู้ แต่ทำไมยังเดาไม่ค่อยถูกและตีความอย่างไม่มั่นใจ นี่อาจเกิดจากไม่แน่นใน 3 เรื่องนี้
           จุดที่อยากเน้นตรงนี้ก็คือ บางท่านอาจจะเห็นว่า ไม่น่าจะเสียเวลาฝึกฟังนานนัก น่าจะเลยไปถึงขั้นตอนอ่าน English subtitles หรือ script พออ่านเข้าใจแล้วก็กลับมาฟัง ก็จะช่วยให้จับศัพท์สำนวนและเข้าใจเนื้อเรื่องได้เร็วขึ้น พูดอย่างนี้ก็ถูกต้องและการอ่านก็ช่วยได้จริง ๆ

          แต่... เราอย่าเพิ่งรีบอ่านเร็วเกินไป เพราะเมื่ออ่านแล้วมาฟัง (1)หูเราจะออกแรงทำงานน้อยลงเพราะรู้จักคำนั้นแล้วจากการอ่าน (2) เราอาจจะเข้าใจผิดว่า ตอนนี้เราฟังเข้าใจแล้ว 100 % ทั้ง ๆ ที่การฟังและการอ่านออกแรงอย่างละ 50 % ช่วยให้ฟังเข้าใจ เพราะฉะนั้นเมื่อจะฝึกพัฒนา listening skill ตอนแรกก็ต้องให้หูออกแรงเหนื่อยสักหน่อย อย่าเพิ่งรีบเรียกให้ตา มาช่วย (อ่าน)
      【5】คราวนี้ก็มาถึงลำดับของการอ่าน ผมขอเน้นว่า การอ่านช่วยเรื่องศัพท์ แต่เราควรมองเรื่อง (1) ชนิดของคำ, (2) ชนิดของประโยค และ (3) อนุประโยคและวลีด้วย (==> คลิกศึกษาคนที่แน่นอยู่แล้วจะสามารถมองออกได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาวิเคราะห์แยกแยะ  แต่ถ้าเรายังทำไม่ได้ก็ควรฝึกให้ทำให้ได้ คือ รู้ว่าศัพท์ตัวนี้เป็นคำอะไร, อยู่ในประโยคอะไร, เป็นส่วนหนึ่งของอนุประโยคหรือวลีอะไร เรื่องเพียง 3 เรื่องนี้ไม่ได้ยากหรือยาวเกินไปที่จะศึกษาให้แน่นเป็นทุนไว้ก่อน
       ทั้ง 5 ข้อนี้เป็นคำแนะนำที่ออกจะห้วนสักหน่อย แต่เป็นการฝึกที่ผมใช้ได้ผล จึงนำมาฝาก เผื่อบางท่านจะนำไปใช้ได้ผลบ้าง เพิ่มเติมจากวิธีที่ท่านฝึกได้ผลอยู่แล้ว จะได้มีหลาย ๆ วิธีให้เลือกใช้
     พิพัฒน์
    https://www.facebook.com/pg/En4Th/posts/?ref=page_internal 

Google
Search WWW Search Blog e4thai Search www.e4thai.com