Home
ภาษาอังกฤษคนไทยแย่ "เรา" จะแก้ไขยังไงดี?
สวัสดีครับ
ภาษาเป็นเครื่องมือของการสื่อสาร คำว่า "สื่อสาร" คือ "ส่งสาร" หรือ "รับสาร" หรือทั้งสองอย่าง คือ เมื่อเรามีเนื้อหาที่จะสื่อให้คนอื่นเข้าใจ เราก็สื่อโดยใช้ภาษา ที่เข้าใจได้ระหว่าง "ผู้ส่งสาร" และ "ผู้รับสาร"
ข้อความข้างบนนี้อยู่ในบทที่ 1 ของวิชา "การสื่อสารเบื้องต้น" ซึ่งผมเรียนตอนอยู่มหาวิทยาลัย ปี 1 เมื่อ 40 ปีที่แล้ว สมัยนั้นนักศึกษาก็รู้ว่าทักษะภาษาอังกฤษมีประโยชน์ ซึ่งแปลว่า ถ้ามีก็ดี แต่ทุกวันนี้ทักษะภาษาอังกฤษจำเป็น ซึ่งแปลว่า ถ้าไม่มีก็แย่ อยู่รอดยาก คำว่ามีประโยชน์ในสมัยนั้น และจำเป็นในสมัยนี้ จึงต่างกันเยอะ
แต่สำหรับนักเรียนนักศึกษาไทย ทักษะภาษาอังกฤษมีไว้เพื่ออะไร? คำถามนี้หลายคนก็หลายคำตอบ แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ ต้องนำไปใช้เพื่อให้สอบผ่าน ถ้าสอบตกก็จะอดประกาศนียบัตรหรือปริญญา แต่ตอนที่เราสอบภาษาอังกฤษ เราควรจะสอบอะไรกันบ้างล่ะ?
อย่างที่พูดแล้วว่า ทักษะภาษาอังกฤษเป็นเรื่องของการสื่อสาร คือ รับสารและส่งสาร เพราะฉะนั้นเมื่อโรงเรียนจะสอบคนที่เรียนภาษาอังกฤษ ก็ควรจะทดสอบว่า
[1] เขารับสารได้ไหม? คืออ่านแล้วรู้เรื่องมั้ย และ ฟังแล้วรู้เรื่องมั้ย
การ test ว่าเขารับสารแล้วเข้าใจไหม อันนี้ test ง่าย ก็ไอ้ข้อสอบ A B C D นั่นแหละครับ ถ้าเลือกถูกก็แสดงว่าเข้าใจถูก ถ้าเลือกผิดก็แสดงว่าเข้าใจผิด อันนี้ simple มาก
[2] เขาส่งสารได้มั้ย? คือ เขียนให้คนอื่นอ่านรู้เรื่องมั้ย และพูดให้คนอื่นฟังรู้เรื่องมั้ย
การ test ว่าเขาส่งสารแล้วคนอื่นเข้าใจหรือไม่ อันนี้ต้อง test โดยวัดความสามารถในการส่งสารจริง ๆ โดยให้เขาพูดและบันทึกเสียงพูดของเขาเอาไปตรวจ และให้เขาเขียนและเอากระดาษที่เขาเขียนไปตรวจ จึงจะรู้ว่าเขามีความสามารถในการส่งสารหรือเปล่า ไอ้ข้อสอบ A B C D นั้น เอามาใช้วัดเรื่องนี้ไม่ได้เลย เพราะมันไม่ได้วัดอะไรเลยในเรื่องนี้
แต่คำถามก็คือ ถ้าเราจะ "ทดสอบ" ความสามารถในการรับสารและส่งสารอย่างที่ว่ามานี้ ตอนที่เรา "สอน" เขา
- เราได้สอนให้เขาสามารถอ่านแล้วเข้าใจ - อย่างเพียงพอหรือเปล่า?
- เราได้สอนให้เขาสามารถฟังแล้วเข้าใจ - อย่างเพียงพอหรือเปล่า?
- เราได้สอนให้เขาสามารถเขียนให้คนอื่นอ่านแล้วเข้าใจ - อย่างเพียงพอหรือเปล่า?
- เราได้สอนให้เขาสามารถพูดให้คนอื่นฟังแล้วเข้าใจ - อย่างเพียงพอหรือเปล่า?
เราได้สอน 4 อย่างนี้หรือเปล่า ถ้าเราไม่ได้สอน ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเอาเรื่องนี้ไป "ทดสอบ" เขา
เอ้า แล้วที่ teach และ test กันนานเป็นสิบปีในโรงเรียนนั้น มันมีเรื่องอะไรบ้างล่ะ?
- เรื่องอ่าน - มันช่วยให้คนไทยอ่านหนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นเรื่องการอ่านที่พื้นฐานที่สุด ได้หรือเปล่า?
- เรื่องเขียน – มันช่วยให้คนไทยสามารถเขียน message ภาษาอังกฤษ ซึ่งมีเนื้อหาพื้นฐานให้คนต่างชาติที่ติดต่อด้วย ได้หรือเปล่า?
- เรื่องพูด – เราพูดเรื่องพื้นฐานง่าย ๆ สื่อให้คนต่างชาติเข้าใจได้หรือเปล่า?
- เรื่องฟัง – ไม่ต้องไปไกลถึงขนาดดูหนังฝรั่งเข้าใจทั้งเรื่องหรอกครับ แค่ฟังคนต่างชาติพูดสื่อสารเรื่องพื้นฐานเป็นภาษาอังกฤษ เราฟังเขารู้เรื่องหรือเปล่า?
พอพูดมาถึงตรงนี้ ผมไม่ต้องการให้ท่านเกิดความรู้สึกโดยอัตโนมัติว่า ผู้ผิดคือกระทรวงศึกษาธิการ ที่เป็นผู้ออกคำสั่ง หรือมหาวิทยาลัย โรงเรียน หรือครูอาจารย์ ที่รับคำสั่งมาให้สอนเด็กตามหลักสูตรนั้นหลักสูตรนี้ ผมได้ยินการติเตียนด่าว่ามาตั้งแต่ตัวเองเป็นวัยรุ่นแล้ว แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น จึงอยากจะสรุปว่า การด่าไม่ใช่การแก้ปัญหา ดีไม่ดีอาจจะเป็นการเพิ่มปัญหาด้วยซ้ำ เพราะเมื่อมีการด่ามันก็ชวนให้เราปิดสมองจากการพยายามทำความเข้าใจ และปิดใจไม่รับความรู้สึกเห็นใจ ผมเชื่อว่า ท่านเหล่านั้นก็พยายามแก้ปัญหาตามหน้าที่และความสามารถของท่าน
พูดถึงเรื่องนี้ ผมอดไม่ได้ที่จะนึกไปถึงคำของไอน์สไตน์ข้างล่างนี้
ถ้าโยงเข้ากับเรื่องที่กำลังพูด คือ เราแก้ปัญหาทักษะภาษาอังกฤษที่แย่ของเราด้วยวิธีการเดิม ๆ และมันก็แก้ปัญหาไม่ได้ แต่เราก็ยังทำอย่างเดิมซ้ำ ๆ ซาก ๆ แล้วหวังว่าอะไรมันคงจะดีขึ้น อย่างนี้มันบ้าแล้ว มันเป็น insanity
นี่ผมไม่ได้ว่าคนอื่น ไม่ได้ว่าหน่วยราชการ ไม่ได้ว่ากระทรวงศึกษาธิการนะครับ ผมว่าพวกเรากันเองนี่แหละครับที่ไปต่อว่าเขา ซ้ำ ๆ ซาก ๆ แล้วมันก็ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น อาการบ้าหรือ insanity แบบนี้ เรานั่นแหละครับที่เป็น
ผมได้พูดหลายครั้งในหลายบทความที่ลงในเว็บนี้ว่า ในการฝึกภาษาอังกฤษให้ได้ผล เราต้องพึ่งตัวเอง ถ้าวิธีการที่เคยฝึกเคยทำมันไม่ได้ผล เราก็ต้องทำอะไรที่มันต่าง โดย...
♥ การหาให้พบเรื่องที่เราฝึกแล้วมีความสุข และค่อย ๆ ชิมความสำเร็จไปทีละน้อย ๆ เรื่องอย่างนี้ต้องหาด้วยตัวเอง ไม่รอให้คนอื่นหามาป้อนให้ ไม่รอให้มีครูผู้วิเศษขี่รถม้ามาเกยหน้าบ้าน และเดินเข้ามาสอนเราในบ้าน นี่เป็นตัวอย่างที่ 1 ของความต่าง
♥ การเปลี่ยนจากการฝึกอย่างเหยาะแหยะเป็นการฝึกอย่างกัดฟันก็เป็นตัวอย่างที่ 2 ของความต่าง
โลกทุกวันนี้เปลี่ยนไปมาก แต่การเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นอาจจะไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง
พิพัฒน์
คลิปชี้ปัญหาและโฆษณา หลักสูตรภาษาอังกฤษ ดูสักหน่อยก็ดีครับ
♦ปรากฏการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นบ่อย คือ การชี้ปัญหาการเรียนภาษาอังกฤษในเมืองไทย มีบางท่านถามผมว่า มีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
♥ ความเห็นของผม คือ
ดีขั้นที่ 1: → บอกว่า อะไรที่ผิด
ดีขั้นที่ 2: → บอกว่า "ใคร" ควรจะทำ "อะไร" เพื่อแก้ไขสิ่งที่ผิดนั้น
ดีขั้นที่ 3: → ตนเอง ออกแรงลงมือทำอะไรบางอย่าง เพื่อมีส่วนช่วยแก้ไขสิ่งที่ผิดนั้น ให้แก่ตัวเอง ครอบครัว สังคม คนอื่น ๆ
♥ เท่าที่ผมเห็น ในเมืองไทย พอมีการพูดเรื่องนี้ มักจะหยุดอยู่แค่ขั้นที่ 2 บางครั้ง ทำด้วยวาจาที่รุนแรง ตำหนิ มากกว่าเห็นใจ
♥ หากคนไทยก้าวไปถึงขั้นที่ 3 เมืองไทยจะน่าอยู่กว่านี้ ไม่มากก็น้อย
พิพัฒน์
เรียนภาษาอังกฤษกับเว็บ BBC Learning English – ท่านเข้าไปดูทั่วเว็บแล้วหรือยังครับ
สวัสดีครับ
เว็บ BBC Learning English เป็นเว็บฟรี อันดับ 1 ที่ให้เราเข้าไปเรียนภาษาอังกฤษ แต่ท่านเข้าไปดูทั่วเว็บแล้วหรือยังครับว่า เว็บนี้มีเนื้อหาอะไรให้เรียนบ้าง วันนี้ผมอนุญาตแนะนำคร่าว ๆ ดังนี้ครับ
เข้าไปที่เว็บ → http://www.bbc.co.uk/learningenglish
มี 2 ปุ่มให้ท่านคลิกดูเมนูหลักและเมนูย่อย คือปุ่ม Courses และ Features ตามภาพข้างล่างนี้
Courses เลือกระดับ ยาก - ง่าย
Features เลือกประเภทเนื้อหาที่สนใจ
ถ้ายังไม่เจอสิ่งที่ถูกใจ หรือยังไม่พบสิ่งที่มองหา ก็ใช้บริการ Search ของเว็บ
ยกตัวอย่าง พิมพ์คำค้นกว้าง ๆ ทำนองนี้
- http://www.bbc.co.uk/learningenglish/english/search?q=+grammar&submit=GO
- http://www.bbc.co.uk/learningenglish/english/search?q=vocabulary&submit=GO
- http://www.bbc.co.uk/learningenglish/english/search?q=story&submit=GO
หรือจะพิมพ์คำค้น ให้เจาะจงลงไปอย่างนี้ก็ได้
- http://www.bbc.co.uk/learningenglish/english/search?q=+passive+voice&submit=GO
http://www.bbc.co.uk/learningenglish/english/search?q=+tenses&submit=GO
ที่หน้า Podcasts ก็มีอะไรให้ศึกษามากมาย
นอกจากนี้ BBC Learning English ยังนำเนื้อหาไปแปะไว้ที่ social media เพื่อให้บริการและการติดต่อพูดคุยที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
ข้างล่างนี้ครับ...
YouTube
- https://www.youtube.com/user/bbclearningenglish
- https://www.youtube.com/user/bbclearningenglish/playlists
- https://www.facebook.com/bbclearningenglish.multimedia/
- https://www.facebook.com/pg/bbclearningenglish.multimedia/videos/
- https://www.facebook.com/pg/bbclearningenglish.multimedia/photos/
อ้อ! มีเรื่องหนึ่งที่เกือบลืมบอก คือเว็บนี้ตั้งมานานแล้ว แต่ก็ update เพิ่มเนื้อหาใหม่ ๆ เป็นประจำ เพราะฉะนั้น ลักษณะการนำเสนอของเว็บจึงหลากหลาย บางเรื่องก็คลิกศึกษา online ได้ทันที แต่บางเรื่องก็ต้องดาวน์โหลดไฟล์เสียก่อน (pdf/mp3/คลิป/swf) แล้วจึงคลิกเปิดไฟล์นั้นเพื่อศึกษา ท่านอาจจะต้องกวาดสายตาดูสักนิดว่าปุ่มที่จะคลิกดาวน์โหลดมันอยู่ตรงไหน และโดยทั่วไปถ้าเป็น exercise ก็มักจะมีเฉลยให้ดู เว็บนี้จึงเหมาะมากสำหรับการศึกษาด้วยตัวเอง หรือคุณครูนำไปใช้เป็นบทเรียนสอนเด็กก็ได้ครับ
ลองเข้าไปค้นดูให้ทั่ว ๆ นะครับ เพราะเนื้อหามันเยอะ เราคงเรียนได้ไม่ครบทุกเรื่อง แต่ขอให้เจอเรื่องที่เราถูกใจ แล้วเริ่มเรียนเรื่องนั้นก่อน เอาอย่างนั้นดีกว่าครับ
พิพัฒน์
อันดับความนิยมของเว็บ e4thai.com ในเมืองไทย
วันนี้ผมนึกสนุก เลยให้เว็บ http://www.alexa.com/ ช่วยหาให้ว่าเว็บ www.e4thai.com เป็นเว็บที่ได้รับความนิยมอันดับที่เท่าไหร่ของเว็บในเมืองไทย ผลแสดงตามภาพ คืออันดับที่ 987 หรือคลิกดูที่ลิงก์นี้ก็ได้ครับ ▬► http://www.alexa.com/siteinfo/e4thai.com
- อันดับ 1 Google Search ;
- อันดับ 2 YouTube ;
- อันดับ 3 Facebook;
- เว็บ นสพ. Bangkok post อันดับ 193 ;
- เว็บ นสพ. The Nation อันดับ 695 ;
- เว็บกระทรวงศึกษาธิการ อันดับ 1,028
พิพัฒน์
ภาษาอังกฤษไทยแย่ ... เราไม่เดือดร้อนจริงหรือ ?
สวัสดีครับ
คลิก
⇓
ข่าวทำนองนี้ เราได้ยินบ่อยๆ มีการศึกษา วิจัย เก็บสถิติ จากหน่วยงานระหว่างประเทศ รายงานให้รู้กันเรื่อย ๆ ถ้ารู้แล้วรู้สึกเฉย ๆ เพราะถือว่าเราก็ไม่เดือดร้อนอะไร ก็คงไม่เป็นไร เขาจะจัดให้เราอยู่อันดับ top หรือบ๊วย ก็เรื่องของเขาไม่เกี่ยวกับเรา
.... แต่ว่า เราไม่เดือดร้อนแน่หรือ?
พิพัฒน์
“บุญประจำ” เรื่องที่ต้องเตรียมทำก่อนเกษียณ
สวัสดีครับ
ช่วงนี้ผมดูข่าวทีวีเห็นหลายคนพยายามทำนั่นทำนี่เท่าที่ตัวเองจะทำได้ เพื่อถวายในหลวงรัชการที่ ๙ เมื่อถูกถามเขาเหล่านั้นก็มักจะตอบว่า ทำถวายในหลวง ไม่ได้หวังอะไรตอบแทน ทำแล้วมีความสุขก็ทำ เห็นแล้วก็ปลื้มใจ ดีใจ
ผมมาถามตัวเองว่า ถ้าพ้นงานนี้ไปแล้ว หมายถึงพ้นไปนาน ๆ ความรู้สึกอยากทำและมีความสุขที่ได้ทำ ยังมีเหมือนเดิมหรือเปล่า? แล้วผมก็ตอบตัวเองว่า มีครับ มีแน่ ๆ เพราะท่านเหล่านี้มีน้ำใจ ทำไปโดยไม่หวังอะไรตอบแทน ทำแล้วมีความสุข ก็ทำ
แต่ความต่างระหว่างตอนนี้กับตอนโน้น หรือนานวันข้างหน้า มันอยู่ตรงนี้ครับ อยู่ตรงที่วันนี้มีกิจกรรมให้ทำ ท่านเหล่านี้จึงทำด้วยน้ำใจ แต่เมื่อถึงวันโน้น ถ้าไม่มีกิจกรรมชัด ๆ ให้ทำ น้ำใจอาจไม่มีที่ให้แสดงออก แต่ไม่ใช่น้ำใจน้อยลงหรือขาดน้ำใจ เพราะว่าเมื่อให้ด้วยน้ำใจ ความสุขใจก็จะไหลมาเอง นี่มันเป็นกฎแห่งกรรม หรือจะมองว่าเป็นกฎธรรมชาติขั้นพื้นฐานก็ได้ครับ เพราะโลกนี้มีกลไกตามธรรมชาติที่ต้องปกป้องตัวมันเอง เพราะฉะนั้นใครที่ทำดีมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ เขาก็จะได้รับความสุขใจเป็นรางวัลตอบแทนทันที นี่มันเห็นชัดครับ
สรุปก็คือ โดยธรรมชาติพื้นฐาน ทุกคนต้องการรับใช้มีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ เพราะเมื่อได้ให้อะไรออกไปบ้าง เขาก็จะได้รับความสุขเป็นสิ่งตอบแทนทันที
คราวนี้มาถึงจุดที่ผมอยากจะคุยด้วยเป็นพิเศษในวันนี้
คือมีคนพูดกันเยอะว่า สังคมไทยเราเป็นสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น คือคนแก่ที่อายุเกิน 60 ปีมีมากขึ้นทุกวัน และท่านเหล่านี้จำนวนมากก็ปลดเกษียณจากงานราชการหรือบริษัท มีชีวิตที่สบายขึ้นเพราะมีเงินบำนาญกินหรือเงินที่เก็บไว้เมื่อวัยทำงาน เรียกว่าเป็นวัยพักผ่อน หลายคนได้ทำสิ่งที่ไม่ค่อยได้ทำ เช่น เดินทางท่องเที่ยวในประเทศหรือต่างประเทศ หรือทำงานจิตอาสาตามที่ตนชอบ
ผมอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเพื่อนข้าราชการด้วยกันที่ปลดเกษียณแล้ว พวกเราทำงานที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานซึ่งสังกัดกระทรวงแรงงาน หลายคนมีฝีมือทางช่างเพราะเป็นครูฝึกฝีมือด้านต่าง ๆ มาหลายปี แต่บางคนก็รับผิดชอบด้านที่ไม่ใช่ช่าง เช่น งานบัญชี การเงิน การพัสดุ การบริหาร การต่างประเทศ งานตำรา งานหลักสูตร เป็นต้น เมื่อท่านเกษียณ ทักษะที่ท่านสะสมมาจากการทำงานกว่า 30 ปีมันก็ยังติดตัวท่านอยู่ ท่านไม่ได้คืนหลวงไปพร้อมกับวันเลิกงาน
แต่ว่าเมื่อท่านเกษียณไม่ได้ทำงานเดิมนาน ๆ ทักษะที่ท่านมีก็ค่อย ๆ หมดไป ถามว่าตอนที่ท่านเกษียณแล้วนี้ ทักษะพวกนี้สามารถใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ได้หรือไม่?
คำตอบก็คือ อาจจะได้ หรืออาจจะไม่ได้ เป็นไปได้ทั้ง 2 อย่าง ทำไมถึงตอบอย่างนี้
ที่ตอบอย่างนี้ก็เพราะว่า ทักษะที่มีอยู่นี้ จะใช้ทำงานได้ มันต้องมีอย่างอื่นเป็นส่วนประกอบ เช่น เป็นช่างซ่อมรถยนต์ ก็ต้องมี workshop หรืออู่ซ่อม, มีฝีมือเรื่องการทำอาหารที่ประณีตซับซ้อน ก็ต้องมีครัวพร้อมอุปกรณ์, มีความรู้เรื่องภาษาอังกฤษก็ต้องมีห้องเรียนที่จะสอน หรือทักษะอื่นอีกหลาย ๆ อย่าง ก็ต้องมี connection หรือแวดวงที่รู้จักคุ้นเคย มันถึงจะทำงานหรือใช้ทักษะที่ตัวเองมีให้เกิดเป็นผลงานเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้
และนี่มาถึงจุดที่สองที่ผมอยากจะพูด คือ เราได้ยินคนพูดกันเกร่อว่า ผู้สูงอายุจะต้องรู้จักดูแลรักษาตัวเอง แต่การดูแลตัวเองนี้ เรื่องสุขภาพกายอย่างเดียวไม่พอหรอกครับ ต้องสุขภาพใจด้วย และสุขภาพใจนี่อาจจะสำคัญกว่าสุขภาพกายด้วยซ้ำ และวิธีรักษาสุขภาพใจที่มีประสิทธิภาพหรือได้ผลมากที่สุด คือการได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ แม้สิ่งที่ช่วยเหลืออาจจะเล็กน้อย แต่ก็เป็นสิ่งเล็กน้อยที่ใหญ่มาก
และเรื่องสุดท้ายที่ผมอยากจะชวนคุยก็คือ ถ้าเราจะใช้ชีวิตอย่างจิตอาสาในวัยชราให้มีความสุขใจ นั่นคือการให้อย่างต่อเนื่อง มันไม่ได้หมายความว่า เราจะให้อะไรก็ได้ที่มีผู้รับ แต่ต้องเป็นการให้ชนิดที่เรามีความสุขที่จะให้
ผมขอยกตัวอย่างให้เห็นชัด ๆ อย่างนี้ดีกว่าครับ
สมมุติว่าท่านเกษียณจากงานแล้วและบ้านอยู่กรุงเทพ หรือจังหวัดไหนก็ได้ มันก็มีงานจิตอาสาเยอะแยะที่ไม่ต้องใช้ทักษะพิเศษก็ทำได้ ท่านลองเข้าไปเช็กที่เว็บนี้ดูก็ได้ครับ
→ http://www.jitarsabank.com/event/browse
ถ้าท่านเจองานอาสาที่จะทำ และเมื่อไปทำแล้วก็มีความสุข อันนี้แหละครับถือว่าท่านโชคดี ที่เจองานทำดีแล้วมีความสุข แต่ปัญหาก็คือมีงานทำดีที่ทำแล้วเราไม่มีความสุข เพราะว่าเราไม่สมพงศ์กับงานนั้น แม้ว่ามันจะเป็นงานทำดีก็ตาม เราอาจจะทำได้ แต่ทำได้ไม่บ่อย ทำได้ไม่นาน เพราะ “มัน”ไม่ใช่ “เรา”
การทำงานเอาเงินเมื่อวัยทำงาน กับการทำงานเอาบุญเมื่อวัยเกษียณ งานสองอย่างนี้ไม่ต่างกันเลย เพราะถ้าจะให้ดี งานก่อนเกษียณนั้น ขณะที่ทำเราควรได้ทั้งเงินและความสุข ส่วนงานหลังเกษียณ ขณะที่ทำเราควรได้ทั้งบุญและความสุข ถ้าได้แค่เงินหรือบุญอย่างเดียวโดยไม่ได้ความสุข ก็ถือว่าโชคร้ายเพราะได้ไม่ครบ คนที่ลาออกจากงานหรือเลิกทำบุญก็เพราะอย่างนี้แหละครับ
ผมขออนุญาตยกตัวอย่างตัวเองแล้วกันครับ อันนี้ไม่ใช่เป็นการยกยอตัวเองนะครับ ขอให้ถือว่าเป็นเพียงการยกตัวอย่างให้เห็นชัด ๆ และงานเป็น webmaster ที่ e4thai.com นี้ มันก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรนักหนา เพราะผมก็เพียงไปเก็บลิงก์หรือ eBook ในการเรียนภาษาอังกฤษจากที่อื่น ๆ มาแนะนำท่านอีกต่อหนึ่ง แต่ว่างานนิด ๆ หน่อย ๆ อย่างนี้แหละครับ ที่ผมทำแล้วมีความสุขเยอะ ผมก็เลยทำได้เรื่อย ๆ ไม่รู้สึกเบื่อ
ผมต้องการจะบอกอะไรท่าน?
ผมต้องการจะบอกว่า ถ้าท่านต้องการใช้ชีวิตในวัยเกษียณ ด้วยการทำงานที่รับใช้คนอื่น และมีความสุขในการทำงานนั้น ท่านต้องเตรียมตัวตั้งแต่ก่อนเกษียณ ซึ่งมีอยู่อย่างน้อย 3 เรื่องที่ต้องเตรียม หรือหาให้พบให้ได้ คือ
[1] ท่านต้องหาให้พบให้ได้ว่า มีอะไรที่ท่านสามารถทำให้คนอื่นฟรี ๆ และท่านมีความสุขที่ได้ทำ ทำได้เรื่อย ๆ ไม่เบื่อ .... นี่เป็นคำถามที่ถามง่ายแต่อาจจะตอบยาก แต่ท่านอย่าเพิ่งรีบตอบว่าไม่มีนะครับ ผมเชื่อว่าทุกคนมี แต่อาจจะไม่รู้หรือไม่เคยหา หรือหาแล้วแต่ยังไม่พบ เขาจึงโชคร้ายไม่รู้จักบุญประจำที่ทำแล้วมีความสุข (รู้จักเพียงงานประจำที่ทำได้เงินแล้วมีความสุข) ที่ผมกล้าพูดอย่างนี้เพราะผมเชื่อว่า ธรรมชาติสร้างมนุษย์ทุกคนพร้อมเซลล์ในสมองที่เป็นสุขเมื่อได้ให้อะไรแก่เพื่อนมนุษย์ แต่ทุกคนต้องหาเอาเองว่าต้องให้อะไรใจจึงจะเป็นสุข หมายถึงให้จนเป็นบุญประจำ ไม่ใช่ให้แค่เป็นบุญอดิเรก
ผมเองโชคดีที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรมาตั้งแต่อายุยังน้อย ผมชอบอ่านหนังสือ ชอบซอกแซกค้นคว้า หาให้รู้เรื่องนั้นเรื่องนี้ที่ผมอยากรู้ ผมจึงชอบภาษาอังกฤษเพราะมีเรื่องน่ารู้มากมายที่เขียนด้วยภาษานี้ ถ้ามีเรื่องน่ารู้มากกว่าที่มันเขียนด้วยภาษาขอม ก็เชื่อว่าผมน่าจะชอบเรียนภาษาขอมมากกว่าภาษาอังกฤษ และการที่ผมชอบซอกแซกนี่เองทำให้ผมพยายามศึกษาเทคนิคของ Google Search ก่อนที่จะมีเรื่องนี้เขียนไว้มากมายเป็นภาษาไทยด้วยซ้ำ การชอบอ่านและ Search ซอกแซกนี่แหละครับ มันสมพงศ์อย่างยิ่งกับการทำหน้าที่ webmaster เว็บ e4thai.com เพราะเมื่อได้หาเจอและนำมาบอกต่อ มันมีความสุขจริง ๆ ครับ
[2] อีก 1 คำถามที่ท่านต้องค้นหาคำตอบให้ได้ก็คือ มีทักษะอะไรที่ท่านต้องมี หรือค่อย ๆ สะสมให้มันมี ในการทำบุญประจำอย่างที่ผมว่ามานี้ ... ข้อนี้ต่อจากข้อที่ [1] คือเมื่อท่านรู้แล้วว่า ท่านรักและมีความสุขที่จะให้อะไรแก่คนอื่น ท่านก็ต้องรู้ต่อไปว่า ท่านต้องมีทักษะหรือทำอะไรให้เป็นบ้าง ยกตัวอย่างผมซึ่งเป็น webmaster ของบล็อกและเว็บ e4thai.com มาประมาณสิบปีแล้ว ผมก็ต้องพยายามสะสมทักษะพวกนี้ครับ
►ทักษะ ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน ภาษาอังกฤษ คือว่า ผมเป็น webmaster เว็บไซต์ที่ให้เนื้อหาในการฝึกภาษาอังกฤษ แต่ผมไม่ใช่คนเก่งภาษาอังกฤษอะไรนักหนา ซึ่งมองในแง่หนึ่งก็เป็นเรื่องดี เพราะผมต้องฟิตตัวเองอยู่เรื่อย ๆ ทำให้เข้าใจหัวอกคนที่เรียนภาษาอังกฤษไม่ค่อยรู้เรื่อง
►ผมต้องพยายามศึกษาเรื่องเทคนิคการใช้เน็ต, โปรแกรมคอมพิวเตอร์, IT, เรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่เรื่อย ๆ บอกตรง ๆ ครับ ผมเป็น webmaster ที่รู้เรื่องพวกนี้น้อยมาก โชคดีจริง ๆ ที่ได้คุณประสาร คิดดีซึ่งตอนนี้เรียนปริญญาเอกเรื่องหุ่นยนต์ที่ปักกิ่งทำหน้าที่เป็น Technical Webmaster ให้ มีอะไรสงสัยก็ถามไป คุณประสารก็ตอบมาทันทีทาง Facebook
นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะบอก คือถ้าท่านทำเองให้เป็นทั้งหมดไม่ได้ ต้องมีคนช่วยเหลือในการทำบุญประจำของท่าน ก็ให้พยายามหาคนช่วยหรือเพื่อนร่วมทางนะครับ
[3] คำถามสุดท้ายที่ต้องตอบก็คือ ท่านต้องมีเครื่องไม้เครื่องมือ, อุปกรณ์, network หรือ facility อะไรบ้าง ที่ช่วยให้การทำบุญประจำของท่านไหลลื่นไปได้ไม่ติดขัด .... เรื่องนี้มีคำตอบหลากหลายมาก ๆ มันขึ้นอยู่กับว่า ท่านจะทำอะไร ทำที่ไหน เกี่ยวข้องกับใครบ้าง ฯลฯ สิ่งพวกนี้เป็นเรื่องที่ท่านต้องเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า ก่อนวันที่ท่านเกษียณ ผมเองโชคดีที่ทำเรื่องเล็ก ๆ นิดเดียว มันก็เลยไม่ยุ่งยาก แต่มีความสุขเยอะ มันโชคดีอย่างนี้แหละครับ
ท่านผู้อ่านครับ ผมพูดมายืดยาว อาจจะเหมือนคนแก่พูดกับคนแก่ แต่ก็อยากจะสรุปว่า แม้กำลังอยู่ในวัยหนุ่มสาว เราก็น่าจะเตรียมชีวิตสำหรับ 2 เรื่อง คือ งานประจำและบุญประจำ ที่ได้ทั้งเงินและความสุข ถ้าท่านถึงวัยเกษียณ และได้เตรียมตัวมาดี หมดภาระที่ต้องหาเงินแล้ว ท่านก็จะมีบุญที่ทำแล้วมีความสุข ตลอดไป สิ่งที่ทำอาจจะเล็กน้อย ไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่ถ้าให้ด้วยจิตใจที่ยิ่งใหญ่ ให้เป็นบุญประจำที่สมพงศ์กับท่าน บุญที่ได้จะให้ความเบิกบาน ที่นิรันดร์และเป็นทิพย์
พิพัฒน์
More Articles...
- ผิดเป็นครู เรียนรู้จากความผิด และไม่หยุดเรียน
- ฝึกภาษาอังกฤษทีละคำ-ทีละประโยค กับเว็บ Longman Dictionary ทั้งตอนที่ “หมดแรง” และ “มีแรง”
- สร้างพื้นฐานคำศัพท์ที่แข็งแกร่งด้วย Longman Communication 9000 พร้อมคำแนะนำวิธีฝึก
- หาให้พบหลากหลายเรื่องภาษาอังกฤษที่รักจะเรียน
- แนะนำ Facebook “เรียนศัพท์จากคำคม” และคำแนะนำในการเรียนภาษาอังกฤษกับคำคม
- เรียนภาษาอังกฤษต้องคิดอย่างนี้
- ไม่กล้าพูดอังกฤษ! ทำยังไงให้กล้า?
- ทางสุดโต่ง 2 สายที่ไม่น่าเดินในการฝึกภาษาอังกฤษ
- เรียนภาษาอังกฤษด้วยความมัก ทั้งมักง่ายและมักมาก
- ฝึก อ่าน-ฟัง-พูด วันละ 5 – 10 ประโยค กับ Longman Dictionary
- จะฝึกอังกฤษให้ได้ผล ต้องมีครบ 4 “พอ”
- ขอลางานครับ
- วิธีฝึกอ่านภาษาอังกฤษที่อ่านยาก (The Economist)
- ละเมิดลิขสิทธิ์หรือเปล่า ?
- เรื่องน่าเศร้าในการเรียนภาษาอังกฤษ
- HOW TO: "4 เทคนิคฝึกภาษาอังกฤษจากการดูซีรีส์" บอกหมดทุกขั้นตอน!
- คำแนะนำการฝึกอ่านเพื่อเตรียมตัวสอบ reading
- จะเก่งอังกฤษ: ตั้งเป้าให้ชัด และไปให้ถึง
- อยากพูดได้-เขียนได้, ต้องขยันอ่าน-ขยันฟังภาษาอังกฤษ, มากกว่าเอาแต่อ่าน-เอาแต่ฟัง คำอธิบายเป็นภาษาไทย
- เรื่องเล่าจากการเข้านอน รพ.