Home
ฝึก “สนทนาแบบสบายสบาย” แต่ได้ผล
สวัสดีครับ
หลายท่านคงเป็นอย่างนี้ ตอนที่อยู่ในห้องเรียนสนทนาภาษาอังกฤษกับครูก็จำได้ ครั้นเลิกเรียนและนาน ๆ จะต้องใช้งานพูดกับต่างชาติสักที ก็ติด ๆ ขัด ๆ นึกถ้อยคำไม่ค่อยออกและพูดไม่ค่อยได้ เมื่อร้างราเนิ่นนานไปก็ลืมสนิท พูดไม่ได้
ท่านจะเห็นว่า ปัญหามันมีอยู่ 2 ขยัก คือ (1)นึกไม่ออก และ (2)จึงพูดไม่ได้ ซึ่งถ้าสาวหาทางแก้ ก็น่าจะเป็นว่า ถ้า (1)นึกออก ก็น่าจะนำไปสู่ (2) คือพูดได้
ท่านอาจจะบอกว่า ก็ในเมื่อไม่มีคนต่างชาติมาให้พูดด้วย มันก็ไม่มีโอกาสพูด และไม่มีโอกาสนึก มันก็ game over อยู่ตรงนี้แหละ จะให้ทำยังไงได้
เอาอย่างนี้แล้วกันครับ ผมโชคดีไปได้ตำราชื่อ สนทนาแบบสบายสบายในชีวิตประจำวัน หรือ Simple & Easy Conversation [ เชิญคลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลด ] ซึ่งแต่งโดย พ.อ.หญิง ดร.วาทิต ศรีวันทา ซึ่งมีศัพท์ วลี ประโยค สำหรับใช้ในบทสนทนาในชีวิตประจำวัน 45 สถานการณ์ และแม้ว่าหนังสือเล่มนี้จะมุ่งแต่งเพื่อบุคลากรทางการแพทย์ของกองทัพบก แต่คนทั่วไปก็สามารถปรับใช้ฝึกพูดภาษาอังกฤษได้มากทีเดียว
แต่อะไรเล่าคือความแตกต่างสำคัญระหว่าง สนทนาแบบสบายสบาย กับ ตำราฝึกพูดภาษาอังกฤษที่วางขายโดยทั่วไป ? สิ่งนั้นก็คือ ในขณะที่ตำราเล่มอื่นเริ่มต้นด้วยภาษาอังกฤษ และตามด้วยคำแปลภาษาไทย แต่ สนทนาแบบสบายสบาย เริ่มต้นด้วยภาษาไทยและตามด้วยภาษาอังกฤษ และนี่แหละครับ คือจุดฝึกหัดการนึกที่ผมขอนำเสนอ
เมื่อท่านคลิกเข้าไปที่หัวข้อข้างล่างนี้ ท่านจะเห็นบทสนทนาเป็นภาษาไทย วิธีฝึกก็คือ
(1) ให้ท่านพยายามนึกว่า วลีหรือประโยคเหล่านี้ ถ้าต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษ จะต้องพูดว่ายังไง
(2) ใช้เมาส์ลากพื้นที่ว่าง ๆ ต่อจากเครื่องหมาย – ซึ่งท่านจะเห็นเฉลย และขอให้ท่านฝึกพูดตาม
ผมเชื่อว่า การฝึกพูดภาษาอังกฤษ โดยการนึกก่อนพูด จะได้ผลมากกว่าการฝึกพูดโดยดูบททันทีเลยแต่ไม่ได้นึกก่อนด้วยสมองของตัวเอง และด้วยการฝึกเช่นนี้ ต่อให้นาน ๆ ท่านจะได้พูดกับคนต่างชาติสักครั้ง พอจะพูด ท่านก็จะนึกออกและพูดได้
และถ้าฝึกไปเรื่อย ๆ จนชำนาญ พอถึงเวลาที่จะต้องพูด, ประโยคภาษาอังกฤษก็จะผุดขึ้นมาในสมองของท่านโดยอัตโนมัติ โดยท่านไม่ต้องนึกเป็นภาษาไทย, แต่ในระยะแรก ๆ นี้ ท่านฝึกนึกเป็นภาษาไทยไปพลาง ๆ ก่อนแล้วกันครับ ผมขอรับรองว่าเป็นการลงทุนฝึกที่ไม่สูญเปล่า แต่ได้ผลคุ้มค่า
และสุดท้ายที่ขอเรียนทุกท่านก็คือ ประโยคสนทนาภาษาอังกฤษที่ให้ไว้ในหนังสือเล่มนี้ เป็นสำนวนแบบสบาย ๆ ตามชื่อหนังสือ แต่พอถึงเวลาพูดจริง ท่านสามารถปรับเปลี่ยนรสชาติการพูดให้ถูกปากของท่าน และถูกหูของคนฟัง ดังที่ท่านต้องการได้ตามใจชอบครับ
บทสนทนาทั้ง 45 สถานการณ์ ผมทำมาให้ท่านฝึกเล่นประมาณ 20 สถานการณ์ ตามหัวข้อข้างล่างนี้ครับ
7. TO GET INFORMATION AND DIRECTION (สอบถามข้อมูลและถนนหนทาง) |
9.REQUEST SOMEONE TO DO SOMETHING (ขอให้บุคคลทำอะไรให้กับเรา) |
พิพัฒน์ |
อ่าน-ฟัง คำศัพท์ SAT 5,000 คำ
สวัสดีครับ
ที่เว็บนี้: http://www.freevocabulary.com/
มีคำศัพท์ SAT 5,000 คำ
SAT ย่อมาจาก ‘Scholastic Aptitude Test’ ซึ่งเป็นการทดสอบนักเรียนชั้นมัธยมในสหรัฐฯที่จะเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย และศัพท์ 5,000 คำนี้คือศัพท์ที่มักเจอในการสอบ
ผมดูศัพท์พวกนี้แล้วมีความเห็นว่า ส่วนใหญ่เป็นคำศัพท์ที่พบเห็นบ่อย ๆ ในตำราภาษาอังกฤษ ถ้ารู้ก็จะช่วยให้การอ่านตำราเป็นเรื่องง่ายขึ้น และน่าจะเป็นศัพท์ที่เจอในการสอบ TOFEL เช่นกัน
ท่านที่เตรียมสอบ TOEFL หรือ ต้องการพัฒนาคำศัพท์ภาษาอังกฤษให้สูงขึ้น ผมขอแนะนำไฟล์ชุดนี้ครับ
♦ไฟล์ pdf คำศัพท์ SAT 5,000 คำ - คลิกดาวน์โหลด
♦ไฟล์ mp3 เสียงอ่านคำศัพท์
ถ้าต้องการฟังทันที ให้คลิกซ้ายที่ A,B,C....
ถ้าต้องการดาวน์โหลด ให้คลิกขวาที่ A,B,C...., คลิกซ้ายที่ Save link as... และ Save
A-B-C-D-E-F-G,H-I-J,K,L-M-N,O-P,Q-R-S-T-U-Z
พิพัฒน์
ขุมทรัพท์ดาวน์โหลดหนังสือฟรี
สวัสดีครับ
ขุมทรัพท์ดาวน์โหลดหนังสือฟรี คุณภาพดี ที่ผมขอแนะนำ มีดังนี้
[1] มีคำแนะนำหนังสือ
คลิกเมนูเพื่อดูหนังสือในแต่ละหมวดหมู่ หรือพิมพ์คำค้นในช่อง Search
♥http://englishtips.org/ (ต้องลงทะเบียนก่อน - คลิก)
[2] มีแต่ชื่อหนังสือ ไม่มีคำแนะนำ
พิมพ์คำค้นในช่อง Search
♥http://www.4shared.com/ (ต้องลงทะเบียนก่อน- คลิก)
ผมเชื่อว่าทั้ง 6 เว็บนี้จะเป็นประตูที่พาท่านเข้าไปสู่ห้องสมุดฟรี online ขนาดมหึมา
อย่ามัวค้นเพลิน, ดาวน์โหลดเพลิน จนลืมอ่านหนังสือที่ได้มา นะครับ
ถ้าถามว่าหนังสือภาษาไทยมีให้ดาวนืโหลดหรือไม่ ? ตอบว่าไม่มีครับ !!
ในเว็บนี้ผมขอแนะนำลิงค์นี้ซึ่งมีหนังสือภาษาไทยให้ดาวน์โหลด
ดาวน์โหลดตำราเรียนภาษาอังกฤษ (คนไทยแต่ง) 50 เล่ม ที่นี่ Free!
ซึ่งนับว่ามีน้อยอย่างเทียบไม่ได้เลยกับหนังสือภาษาอังกฤษฟรี
ดังนั้น ทักษะการอ่านภาษาอังกฤษจึงมีคุณค่ายิ่งนัก เพราะมันจะช่วยให้เราสามารถอ่านหนังสือเล่มเดียวกันกับเล่มที่ชาวโลกเขาอ่าน ช่วยให้เราได้รู้สิ่งที่ชาวโลกเขารู้ และ เข้าใจสิ่งที่ชาวโลกเขาเข้าใจ
พิพัฒน์
3-year-old becomes YouTube hit
3-year-old becomes YouTube hit
แหล่ง: http://www.bangkokpost.com/news/local/334391/3-year-old-becomes-youtube-hit
In the video, the mother films her child attempting to recite a poem that young Thais traditionally use to memorise all 44 consonants of the Thai alphabet. Dylan forgets some of the lines a few times but his mother helps him through. The toddler was able to recite the entire Thai alphabet in under three minutes without much difficulty.
After the clip was uploaded to YouTube on Jan 22, several parodies of Dylan's recital of the Thai alphabet were made online and there was a Gangnam Style version as well.
Dylan has also attracted 80,000 followers on Facebook.
Dylan's father Pete told the BBC that he did not expect his son to be an internet hit and believes the sensation will blow over eventually.
พจนานุกรมฟรี ภาษาไทย-อังกฤษ-ฝรั่งเศส ( Volubilis Dictionary)เวอร์ชั่นใหม่
สวัสดีครับ
พจนานุกรมฟรี ภาษาไทย-อังกฤษ-ฝรั่งเศส ( Volubilis Dictionary) เวอร์ชั่นใหม่ ทั้งหมด 24 เล่ม มีทั้งหมวดศัพท์ทั่วไปเศรษฐกิจ กฎหมาย คณิตศาสตร์ การทำอาหาร วิทยาศาสตร์ การศึกษา การแพทย์ และ นกเมืองไทย
ดาวน์โหลดได้ที่นี่
http://belisan-volubilis.blogspot.be/
ถ้าท่านต้องการดูคร่าว ๆ ก่อนว่า เนื้อหาของคำศัพท์ในพจนานุกรมชุดนี้เป็นอย่างไร ก็ไปที่เว็บนี้ http://dict.longdo.com/
และพิมพ์คำศัพท์ภาษาไทย ลงไป
เลื่อนลงไปดูผลที่ใต้บรรทัด Thai-English-French: Volubilis Dictionary
ท่านจะเห็นคำแปลเป็นภาษาอังกฤษ (EN) และตามด้วยภาษาฝรั่งเศส (FR)
การเรียนคำศัพท์ ไทย เป็น อังกฤษ ทำนองนี้ น่าสนใจมากนะครับ
พิพัฒน์
ขอเสนอ โปรแกรม “ดิกสามัญประจำคอมฯ”
สวัสดีครับ
โปรแกรม “ดิกสามัญประจำคอมฯ” อังกฤษ-ไทย-อังกฤษ ที่ศัพท์เยอะ, ติดตั้งง่าย, ใช้งานง่าย ที่ผมขอฝากให้ท่านลองนำไปใช้ มี 2 โปรแกรม ดังนี้
1.แบบคลิกใช้งานได้เลยโดยไม่ต้องติดตั้ง (portable) ฟังเสียงอ่านได้ด้วย ท่านสามารถใส่ USB Drive นำไปเสียบใช้งานกับเครื่องคอมฯตัวไหนก็ได้ (อย่าลืมอ่านวิธีใช้งาน ในนั้นด้วยนะครับ) - คลิกดาวน์โหลด
2.แบบต้องติดตั้ง เป็นของ LEXiTRON - คลิกดาวน์โหลด
ผมไม่ขอแนะนำมากนะครับ แต่ถ้าท่านใช้แล้วก็จะเห็นว่า ที่ผมตั้งชื่อว่า “ดิกสามัญประจำคอมฯ” นั้น ตั้งชื่อไม่ผิดหรอกครับ
พิพัฒน์
เชิญดาวน์โหลด mp3 เสียงอ่านคำศัพท์ A – Z
สวัสดีครับ
วันนี้ผมคลิกเข้าไปดูไฟล์เก่า ๆ ใน hard disk และเจอโฟลเดอร์หนึ่ง เป็น mp3 เสียงอ่านคำศัพท์หลายร้อยคำ ตั้งแต่ A – Z มีทั้งศัพท์ง่ายและยากปนกัน ผมนึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าผมได้ไฟล์ mp3 ชุดนี้มาจากไหน แต่ก็เห็นว่าน่าจะมีประโยชน์กับท่านผู้อ่านบ้าง ไม่ว่าจะเอาไปใช้ฝึกฟัง, ฝึกออกเสียงตาม หรือครูใช้สอนนักเรียน หรือทำสื่อการสอนก็น่าจะได้
จะคลิกดูตัวอย่างสักหน่อยก็ได้ครับ
ที่นี่:abandon-abbreviate-ability-abolish-
abortion-abridge-absent-absolute-
absorb-abundant-abuse-academy-accent
คราวนี้ เชิญดาวน์โหลดครบชุดได้เลยครับ - คลิก
พิพัฒน์
ด/ล ชุด“English for Work Activities”
สวัสดีครับ
ชุดการศึกษาภาษาอังกฤษเรื่อง “English for Work Activities” ประกอบด้วยไฟล์หนังสือ pdf 1 เล่ม มี 50 บท และไฟล์เสียง mp3 จำนวน 50 ไฟล์ ๆ ละ 1 บท เนื้อหาของชุดนี้ก็เป็นอย่างชื่อที่เขาตั้งไว้ คือ English for Work Activities หรือ ภาษาอังกฤษสำหรับกิจกรรมการทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานในโรงงานซึ่งเกี่ยวข้องกับวัสดุ เครื่องมือ เครื่องจักร และมีงานใน office บ้าง เช่น ที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ เครื่องถ่ายเอกสาร และกิจกรรมกับเพื่อนร่วมงาน เป็นต้น
จุดที่น่าสนใจอย่างยิ่งของหนังสือ 2 ชุดนี้ก็คือ มีภาพ, คำศัพท์, ประโยคที่ต้องพูด, ไฟล์เสียง ที่เกี่ยวข้องกับงานหรือการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งต้องเกี่ยวข้องกับคนอื่น ๆ ผมเห็นว่า นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ถูกต้องของการพูดภาษาอังกฤษ คือเราเริ่มต้นจากคำศัพท์และประโยคที่จำเป็นที่สุดก่อน แล้วค่อยขยายไปสู่คำศัพท์และประโยคอื่น ๆ ต่อไป
ดาวน์โหลดไฟล์หนังสือ
หนังสือ บทที่ 1-25
หนังสือ บทที่ 26-50
ดาวน์โหลดไฟล์ mp3
mp3 บทที่ 1-25
mp3 บทที่ 26-50
[ขอขอบคุณคุณณิชชาเป็นอย่างมากครับ ที่ใช้เวลาจัดทำไฟล์ชุดนี้ส่งมาให้ จากประเทศสหรัฐอเมริกา]
พิพัฒน์
เว็บ ประโยคตัวอย่างภาษาอังกฤษ
สวัสดีครับ
ประโยคตัวอย่างภาษาอังกฤษ มีประโยชน์มากในการทำความเข้าใจและทำความคุ้นเคยกับคำศัพท์ ไม่ว่าจะเป็นศัพท์เก่าที่เรารู้จักแล้ว แต่ยังรู้จักไม่ค่อยดี หรือศัพท์ใหม่ที่เราไม่รู้จักเลย เมื่อเราต้องแต่งประโยคโดยใช้คำศัพท์เหล่านี้ในการพูดหรือเขียน ประโยคตัวอย่างเหล่านี้จะช่วยเราได้เยอะ
มีหลายเว็บที่เป็น database ประโยคตัวอย่างภาษาอังกฤษ ในที่นี้ผมคัดมาเฉพาะเว็บข้างล่างนี้ที่เห็นว่าใช้ง่าย น่าสนใจ
เมื่อเข้าไปแล้ว ก็พิมพ์คำศัพท์ลงไป 1 คำ และ Enter
[1] http://www.online-languages.info/english/examples.php
[2] http://fraze.it/
เมื่อเว็บแสดงผลแล้ว
สามารถกรองผลโดยคลิกที่ Form, Rule, Zone, Context ใต้ Filter by: ที่คอลัมน์ซ้ายมือ
พิมพ์คำศัพท์, Enter, เลื่อนลงไปข้างล่างจะเห็นประโยคตัวอย่าง จำนวน 3 ประโยค ซึ่งมีไอคอนรูปลำโพงให้คลิกฟังเสียงอ่าน, ให้คลิกภาษาจีนใต้ประโยคที่ 3 เพื่อดูประโยคตัวอย่างอื่นๆ
[4] http://www.manythings.org/voa/sentences.htm (ประโยคง่าย)
เป็น Database ของสำนักข่าว VOA
[5] http://sentence.yourdictionary.com/
[6] http://tangorin.com/examples/ (ประโยคง่าย)
[7] http://tatoeba.org/eng/sentences/search
พิพัฒน์
review: 22 Jan 2018
ถ้าต้องการฝึกเขียน ก็ต้องลงมือเขียนจริง ๆ
สวัสดีครับ
ผมไม่แน่ใจว่า ใน 4 ทักษะภาษาอังกฤษ คือ ฟัง พูด อ่าน เขียน ทักษะใดเป็นทักษะที่คนไทยส่วนใหญ่อ่อนที่สุด แต่เดาว่า การเขียนน่าจะไม่ใช่ 2 ทักษะแรกที่คนไทยแข็งที่สุด
ในที่ทำงานของผม มีคนจำนวนไม่น้อยที่สามารถอ่านและพูดภาษาอังกฤษได้ดี แต่ถ้าหาคนเขียนภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นงานเป็นการ ก็ต้องนึกหากันนิดหน่อย
ทำไมคนไทยไม่ชอบฝึกการเขียนภาษาอังกฤษ ผมคิดว่าหลายคนเห็นว่า การเขียนเป็นเรื่องยาก คุณต้องมีเครื่องปรุง 2 อย่าง คือ 1)ศัพท์-สำนวน-วลี และ 2)การนำศัพท์-สำนวน-วลี มาปรุงเป็น ประโยค และข้อความ ให้สามารถสื่อสารได้รู้เรื่องและเหมาะสม
การเขียนเหมือนกับการพูดตรงที่ ต้องสื่อข้อความออกไปให้คนอ่านหรือคนฟังรู้เรื่อง แต่ต่างจากการพูดตรงที่ การพูดเมื่อพูดจบแล้วก็แล้วกัน พูดแล้วรู้เรื่องก็ถือว่าสมประสงค์ แต่การเขียนมันเหลือร่องรอยอยู่บนกระดาษ คนที่หวังดีหรือชอบจับผิดสามารถวิจารณ์ข้อเขียนได้ไม่รู้จบ หลายคนที่รู้สึกว่าตัวเอง “ไม่ค่อยเก่ง” จึงไม่อยากเขียน
ผมมานั่งถามตัวเองว่า ทักษะภาษาอังกฤษที่ได้มาจากโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ทักษะใดดีที่สุดและแย่ที่สุด ก็ได้คำตอบว่า ดีที่สุดคืออ่าน แย่ที่สุดคือเขียน ส่วนฟังกับพูดสลับกันไป-มา ระหว่างที่ 2 กับที่ 3
ทำไมการเขียนจึงเป็นเรื่องที่ทำได้แย่ที่สุด ถ้อยคำต่อไปนี้ ผมอธิบายประสบการณ์ส่วนตัว แต่ถ้าท่านอ่านแล้วเห็นพ้องกันเยอะ ๆ มันก็จะขยายเป็นประสบการณ์ส่วนรวม
1) ผมได้รับการฝึก writing skill น้อยมากขณะเป็นนักเรียนนักศึกษา
2) exercise เกี่ยวกับ writing skill มักผูกรวมกับ grammar และเป็นลักษณะให้เลือกข้อ a,b,c,d หรือจับคู่ หรือหาคำหรือวลีมาเติมในช่องว่าง แทบไม่เคยถูกฝึกเป็นกิจจะลักษณะให้ลงมือเขียนเป็นประโยค ข้อความ หรือเรื่องราว จากง่ายไปยาก จากสั้นไปยาว อย่างจริง ๆ จัง ๆ เหมือนกับการอ่าน
3) ผมเข้าใจว่า การตรวจงานเขียนของเด็กที่เป็น writing exercise ครูผู้สอนทำได้ยากกว่า การตรวจ grammar, vocabulary, reading comprehension ที่ให้เลือก a,b,c,d เพราะการตรวจเช่นนี้อาจจะต้องรวมไปถึงการแก้ไขสิ่งที่ผิดโดยบอกสิ่งที่ถูก ซึ่งอันนี้ยากและกินเวลา ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้ามีคนขอให้ผมตรวจข้อความภาษาอังกฤษที่แปลมาจากภาษาไทย บ่อยครั้งที่ผมนึกในใจว่า ถ้าให้ผมแปลเองจะง่ายกว่าเยอะ และใช้เวลาน้อยกว่าด้วย อาจารย์ที่ต้องตรวจ writing exercise ของเด็กก็อาจจะคล้าย ๆ อย่างนี้ นี่ผมเดาเอาเองนะครับ เพราะว่าไม่เคยเป็นครู
ถ้าท่านถามว่า แล้วผมฝึกการเขียนภาษาอังกฤษด้วยวิธีใด ผมทบทวนตัวเองดูแล้ว น่าจะเป็นอย่างนี้
1) ถ้าไม่ได้ฝึกอ่านและฝึกวิเคราะห์โครงสร้างของประโยคมาเรื่อย ๆ ผมก็คงไม่ได้ซึมซับวิธีการเขียนเอามาเป็นของตัวเอง การฝึกอ่านและฝึกวิเคราะห์ดังกล่าวนี้ ต้องมากพอทั้งปริมาณและคุณภาพ เพราะฉะนั้นการอ่านและการสังเกตขณะที่อ่านจึงมีคุณูปการอย่างอนันต์ต่อการฝึกเขียน
2) เนื่องจากงานในที่ทำงาน ผมไม่ได้ต้องเขียนภาษาอังกฤษให้มีเนื้อหาเป็นทางการ หรือ official ทุกวัน แต่เมื่อมีงานเข้ามา ผมก็ถูกคาดหวังว่าต้องเขียนได้ ท่านลองคิดเอาแล้วกันครับว่า ใน 1 ปี 365 วัน ถ้ามีงานเขียน ประเภท official letter, official statement, หรือรายงานการประชุม หรือ project เพียง 1 – 2 งาน ทักษะการเขียนของท่านจะดีและอยู่ตัวได้อย่างไรกับโอกาสในการฝึกฝนที่น้อยนิดเช่นนี้ (เราต้องทำงานอื่น ๆ ด้วย ไม่ใช่ทำงานภาษาอังกฤษอย่างเดียว) ผมจึงแก้ด้วยการเขียนไดอะรี่เป็นภาษาอังกฤษทุกวัน อยากจะบอกความลับว่า การเขียนไดอะรี่นี่แหละครับ มีประโยชน์มหาศาลต่อทั้งการเขียนแลการพูด เพราะขณะที่นึกไม่ค่อยออกในการหาศัพท์ สำนวน วลี ประโยคเป็นภาษาอังกฤษ มันทำให้ท่านต้อง คิดและค้น และแม้จะช้าหน่อย แต่จนแล้วจนรอด ท่านก็จะสามารถเขียนออกไปได้ ในครั้งแรก ๆ อาจจะผิด ๆ พลาด ๆ เยิ่นเย้อ กำกวม ตกหล่น งุ่มง่าม ทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย ขี้เกียจ รำคาญ และรู้สึกว่าไม่ได้อะไร แต่ถ้าอดทนฝึกไปเรื่อย ๆ อย่างใจเย็น ทักษะที่เกิดขึ้นจะพอกพูนโดยไม่รู้ตัว เหมือนหยอดเหรียญใส่กระปุก ตราบใดที่กระปุกไปถูกทุบเสียก่อน ตังค์ต้องเต็มกระปุกแน่นอน
ถ้าท่านสงสัยแคลงใจว่า สิ่งที่ผมเขียนในข้อ 2)นี้มันทำได้จริงหรือ เพราะท่านไม่มีครูคอยตรวจบอกจุดที่ผิด และชี้ทางที่ถูก คำตอบของผมคือ
♦ a) ให้ท่านกลับไปอ่านข้อ 1)อีก 2-3 รอบ
♦ b) ท่านต้องมีคู่มือที่เป็นตัวช่วยเพื่อการให้การเขียนง่ายขึ้น สำหรับผมตัวช่วยมีดังนี้ครับ
- Top English Learner's Dictionaries
- Oxford Collocations Dictionary
คู่มือดังกล่าวนี้ จะต้องฝึกใช้ให้คล่อง
ท่านจะเห็นว่า ทั้งข้อ a) และ b) ล้วนต้องพึ่งตัวเองทั้งสิ้น เมื่อเราไม่มีทางเลือกอื่น นี่จึงเป็นทางเลือกเดียวที่มีอยู่ ถ้าเราไม่ยอมเลือกทางนี้ เราก็ต้องอยู่กับที่
กลับมาดูเนื้อหาในอินเทอร์เน็ตบ้าง ถ้าท่านพิมพ์หาเว็บที่ช่วยสอนการฝึกเขียนภาษาอังกฤษ ก็มีมากมายครับ ลองคลิกดูคำค้นข้างล่างนี้ก็ได้ครับ
english writing exercises คลิก
english writing practice คลิก
ผมเองได้มา 1 เว็บที่ชอบใจ เพราะเขาบอกวิธีให้เราลงมือฝึกเขียนด้วยตัวเอง ไม่ใช่ฝึกเขียนโดยเอาแต่ติ๊ก a,b,c,d ซึ่งต่อให้ติ๊กถูกต้องได้คะแนนเต็ม มันก็ยากที่เราจะเขียนเก่งมากขึ้นได้ เพราะการติ๊กนั้นคือการแสดงความเห็นว่า สิ่งที่ผู้อื่นเขียนมานั้น ข้อใดใน a,b,c,d ที่เขียนถูกต้อง แต่ก็ไม่ใช่เราเป็นคนเขียนอยู่นั่นเอง ส่วนการจับคู่ เติมคำที่ให้มาในช่องว่าง หรืออะไรทำนองนี้ ก็ยังไม่ใช่การฝึกเขียนอยู่นั่นเอง
♦ ที่เว็บนี้ครับ
http://www.englishforeveryone.org/Topics/Writing-Practice.htm
♦ ส่วนลิงค์ข้างล่างนี้ เป็นการเรียนหลักแกรมมาร์เพื่อสร้างพื้นฐานในการเขียน
http://grammar.ccc.commnet.edu/grammar/
ก่อนจบเรื่องนี้ ผมขอพูดส่งท้ายเรื่องหนึ่งซึ่งผมคิดว่ามีความสำคัญมากในการเรียนภาษาอังกฤษของคนไทยเรา คือ เราอย่าไปโทษครูเลยครับว่าสอนไม่ดี เพราะครูหรือระบบการสอนที่ไหนก็แล้วแต่มันไม่มีทาง perfect หรอกครับ การสอนจึงไม่สำคัญเท่าการเรียน ถ้าไม่มีการเรียน ต่อให้การสอนดีเลิศเพียงใดก็ไร้ผล และการสอนที่บกพร่องหรือไม่ perfect จะ perfect ขึ้นมาได้ก็เพราะผู้เรียนแต่ละคนเติมให้มันเต็มขึ้นมาเอง ถ้าผู้เรียนคนไทยยังไม่ยอมแก้ไขทัศนคติขั้นพื้นฐานเช่นนี้ เอาแต่โทษครู โทษโรงเรียน โทษฟ้า โทษดิน โทษรัฐบาล โทษบรรพบุรุษไทยในอดีตที่ไม่ยอมยกประเทศให้เป็นเมืองขึ้นของนักล่าอาณานิคมเพื่อที่จะได้เรียนภาษาอังกฤษของเขา ถ้ายังโทษนั่นโทษนี่อยู่อย่างนี้ โอกาสที่จะไปถึงฝันก็คงริบหรี่ครับ
พิพัฒน์
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.