Articles
วิธีฝึกอ่าน e-book สำหรับท่านที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง
สวัสดีครับ
ถ้าเราต้องการอ่าน e-book ภาษาอังกฤษ (ที่มีให้ดาวน์โหลด free มากมายในเน็ต) ผมขอแนะนำวิธีฝึกอ่าน ดังนี้:
[1] เรื่องแรกที่สุด คือการบอกใจตัวเองให้เชื่อฟังความจริงดังต่อไปนี้
- การอ่าน e-book ภาษาอังกฤษ มีประโยชน์มหาศาล ซึ่งนอกจากความรู้และความเพลิดเพลินแล้ว ยังทำให้เรารู้ศัพท์, รู้แกรมมาร์, เห็นลีลาของภาษา ซึ่งช่วยในการฟัง-พูด-เขียน ภาษาอังกฤษ, หากไม่ฝึกอ่าน ของดีที่ควรได้ก็อาจจะเดี้ยงไปดื้อ ๆ
- หากใจเย็นฝึกอ่านไปไม่หยุด จะได้ผลสำเร็จและความสุข หากใจร้อน จะได้ความล้มเหลวและความทุกข์
- เป็นเรื่องธรรมดาถ้าอ่านแล้วรู้เรื่องน้อยหรือไม่รู้เรื่องเลย แต่ความพยายามจะชนะอุปสรรคเสมอ คนที่ไม่เคยพยายามหรือพยายามน้อยเกินไป ฟังคำพูดนี้กี่ครั้ง ๆ ก็คงไม่เข้าใจ ฉะนั้น ลองพยายามทำอะไรเล็ก ๆ ที่สำเร็จง่าย ๆ เพราะจริง ๆ แล้ว เรื่องใหญ่ ๆ ที่ยากก็สำเร็จได้ถ้าเราพยายามเยอะ ๆ มันเป็นบัญญัติไตรยางค์ง่าย ๆ ของชีวิต
[2] เรื่องต่อไป คือเลือก e-book เล่มที่จะอ่าน
e-book แบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ (1) fiction คือ นิยาย เรื่องสั้น เรื่องเล่า นิทาน และ (2) nonfiction คือ หนังสือพวกตำรา ความรู้ สารดดี บทความ ที่ไม่ใช่ประเภท story
e-book ทั้ง 2 ประเภทนี้ ในเว็บนี้มีให้ท่านดาวน์โหลดมากพอสมควรที่ลิงค์นี้:Download Sites
หรือท่านจะไปหาเล่มอื่น ๆ ที่ท่านต้องการก็ได้ ตามลิงค์นี้
เรื่องการเลือกเล่ม e-book ที่จะอ่านนี่นะครับ ท่านต้องยอมลงทุนสละเวลาเลือกด้วยตัวเองครับ อย่าได้นั่งอยู่เฉย ๆ รอให้คนอื่นมาบอกว่าเล่มนั้นน่าอ่าน เล่มนี้น่าอ่าน, concept แบบวิริยะน้อยแต่หวังกำไรเยอะ เอามาใช้กับเรื่องนี้ไม่ได้ครับ, ท่านต้องยอมออกแรงมากเพื่อหาให้พบ e-book เล่มที่เหมาะกับท่าน และท่านก็จะได้กำไรมาก คือกำไรจากผลดีที่ได้ฝึกกับ e-book เล่มเหมาะที่ท่านลงทุนเลือกเอง
[3] แต่ถ้าท่านบอกว่า เลือกไม่ถูก, เลือกเล่มไหนก็อ่านไม่รู้เรื่องสักเล่ม, อ้า! ถ้าเป็นอย่างนี้ ท่านก็ต้องยอมรับว่าพื้นฐานอ่อน มันอาจจะเกิดจากกรรมเก่าหรืออะไรก็ไม่ต้องสืบสาวราวเรื่องหรอกครับ แต่ท่านต้องถามตัวเองว่า ถ้าเปรียบทักษะการอ่านภาษาอังกฤษตอนนี้ของท่านเหมือนบ้านกระต๊อบโยกเยกที่ไม่แข็งแรงเลย ท่านต้องการเปลี่ยนเป็นบ้านที่มั่นคงทนทานต่อแดด-ลม-ฝนหรือไม่? ถ้าคำตอบคือ Yes ! ท่านก็ต้องลงทุนปลูกบ้านใหม่ และต้องเริ่มด้วยการลงเสาเข็ม และการกลับไปฝึกอ่านเรื่องที่ง่าย ๆ ระดับ A..B..C..D… อาจจะจำเป็นสำหรับบางท่านที่ไม่ได้ใส่ใจให้เพียงพอต่อการเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่อยู่ชั้นอนุบาลหรือประถม, มันเป็นกรรมเก่าที่ต้องชดใช้, เป็นหนี้กรรมที่ต้องจ่ายให้เจ้ากรรมนายเวรซึ่งท่านติดค้างไว้ตั้งแต่สมัยเด็ก และตอนนี้คงไม่มีประโยชน์ที่จะตำหนิครูว่าตอนนั้นสอนท่านไม่ดี
e-book ระดับ A..B..C..D… เพื่อการปูพื้นฐาน หรือลงเสาเข็ม ที่ขอแนะนำ อยู่ที่ลิงค์นี้ครับ
- หนังสืออ่านนอกเวลา-เข้าไปแล้ว เลือกระดับ Easystarts หรือ Level 1
- นิทานสนุก อังกฤษแปลไทย วรรคต่อวรรค
- ดาวน์โหลด 100 story ง่ายสุด ๆ เพื่อฝึกฟังพร้อมอ่านภาษาอังกฤษ
[4] เอาละ สมมุติว่า ตอนนี้ท่านเลือก e-book เล่มที่ท่านจะฝึกอ่านได้แล้ว
ผมมีข้อแนะนำพื้นฐานว่า ถ้าเป็น e-book ประเภท story ที่ตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายเป็นเรื่องเดียว, ท่านก็ควรอ่านให้จบเรื่อง, แต่ถ้าในเล่มนี้มีเรื่องสั้นหลาย ๆ เรื่อง ท่านก็เลือกอ่านเรื่องที่ท่านชอบ เรื่องไหนอ่านแล้วไม่ชอบก็ไม่ต้องทนอ่านมัน, แต่ก็อย่าไม่ชอบเร็วเกินไปนัก
แต่ถ้าเป็นหนังสืออีกประเภทหนึ่ง คือ nonfiction คือตำรา หรือความรู้ หนังสือพวกนี้วิธีที่ถูกต้องคือ อ่านคำนำ หรือ Preface หรือ Introduction ให้จบก่อน, ตามด้วยการอ่านสารบัญ หรือ Contents ทั้งนี้เพื่อให้รู้ว่าทั้งเล่มมันมีเนื้อหาอะไรอยู่ที่บทไหน แล้วก็ค่อยตัดสินใจว่า ถ้าเราจะอ่านเพียงบางบทที่เราชอบจัด ๆ ซึ่งไม่ยาวเกินไป ไม่ยากเกินไป พอฟัดพอเหวี่ยงไหว เราจะอ่านบทไหน เมื่อตัดสินใจแล้วก็กัดฟันอ่านบทนั้นให้จบ อ่านจบแล้วก็ให้ภูมิใจในตัวเองสักเล็กน้อย แล้วก็เลือกบทใหม่เพื่อเป็นการบ้านชิ้นต่อไป ช่วงพักระหว่างบทนี้ อย่าให้นานเกินไป เพราะความขี้เกียจมันจะเข้ามาครอบงำ ทำให้เราหมดความฮึกเหิม
ผมมีความเห็นว่า สำหรับท่านที่ต้องการเติมความรู้ใส่ชีวิตอย่างเนืองนิตย์ผ่านเส้นทางของภาษาอังกฤษ ท่านควรตั้งจิตอธิษฐานบอกพระว่า จะตั้งใจพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตที่ดีกว่า และจะไม่ยอมผิดสัญญาที่ให้ไว้แก่ตัวเอง ขออาราธนาให้พระเป็นพยานด้วย ถ้าท่านตั้งใจจริงอย่างนี้ ผมเชื่อว่า ท่านย่อมสามารถเปลี่ยนทักษะภาษาอังกฤษของท่านที่อ่อนแอเหมือนกระต๊อบให้เป็นบ้านที่มั่นคงแข็งแรงได้อย่างแน่นอนครับ
พิพัฒน์
https://www.facebook.com/EnglishforThai
ถ้าวางแผนให้ลูกหลานโตขึ้นเป็นนายกฯ ควรหัดให้พูดภาษาอังกฤษคล่อง ๆ ตั้งแต่วันนี้
วันนี้ผมอ่านบทความในหนังสือพิมพ์ Bangkok Post เรื่อง “Leaders shouldn't shoot from the lip“ที่คุณพิชาย ชื่นสุขสวัสดิ์ บรรณาธิการอำนวยการ เป็นผู้เขียน คำว่า “shoot from the hip” จาก Oxford dictionary หมายถึง “to react quickly without thinking carefully first” ในบทความนี้คุณพิชายพูดถึงพลเอกประยุทธ์ อย่างน่าสนใจทีเดียว (คลิกอ่าน: http://tinyurl.com/qh8yfg7 ) ผมขอดึงมาสัก 2 วรรค ที่อ่านแล้วสะกิดใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยคที่ขีดเส้นใต้สีแดง ถ้าท่านใดมีลูกหลานและวางแผนว่า โตขึ้นอยากให้เขาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย น่าจะเตรียมตัวให้เขาพูดภาษาอังกฤษคล่อง ๆ ตั้งแต่วันนี้นะครับ – พิพัฒน์
ฝึกภาษาอังกฤษแบบสบาย ๆ ตามสไตล์ของผม
สวัสดีครับ
เรื่องการฝึกภาษาอังกฤษนี่นะครับ ต่างคนก็ต่างฝึกตามวิธีที่อาจจะต่างกัน บางคนอาจจะฝึกอย่างซีเรียส เช่น เมื่อเลือกหนังสือมาได้ 1 เล่มก็เริ่มฝึกหน้าแรกไปจนจบหน้าสุดท้าย, บางคนก็ฝึกอย่างสบาย ๆ ชอบใจหน้าไหนบทไหนก็ฝึกเฉพาะตรงนั้น แล้วก็เปลี่ยนเล่ม เปลี่ยนบท เปลี่ยนหน้าตามใจชอบ, บางคนยิ่งฝึกแบบสบายกว่านี้อีก คือขอให้ได้ฝึกวันละครึ่งถึง 1 ชั่วโมงแล้วกัน ส่วนจะฝึกอะไรก็แล้วแต่จะฉวยอะไรได้หรือสนใจอะไรเป็นพิเศษเฉพาะหน้า หรือช่วงนี้อยากจะฟิตอะไรเป็นพิเศษ ก็ฝึกอย่างนั้น
ท่านเองฝึกแบบไหนครับ ผมเองเป็นอย่างสุดท้าย คือไม่มีตารางการฝึกที่แน่นอน แต่มีข้อแม้อย่างเดียวคือฝึกทุกวัน อาจจะแถมบังคับตัวเองนิดหน่อย คือพยายามฝึกให้ครบทุกอย่าง เช่น
- ฟังภาษาอังกฤษอะไรก็ได้สัก 1 คลิป, คลิปไหนยากฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเลย ก็หาคลิปง่ายที่ฟังแล้วไม่เมื่อยสมองมากนัก,
- อ่านข่าว Bangkok Post อะไรก็ได้สัก 5 ข่าว,
- ส่วนเรื่องเขียนนั้นผมมักจะขี้เกียจ ก็เลยฝึกเขียนไดอะรีเป็นภาษาอังกฤษเรื่องอะไรก็ได้ตามแต่อารมณ์จะพาไป แค่วันละ 5 บรรทัด,
- ส่วนเรื่องพูด ผมถือโอกาสตอนไปเดินออกกำลังกายตอนเย็น ฝึกพูดคนเดียวตอนนั้น ตามแต่จะนึกอะไรออกตอนเดิน
นี่คือการฝึกภาษาอังกฤษของผม คือ ฝึกตามอารมณ์ แต่ฝึกทุกวัน
ผมขอแนะนำว่า ท่านก็พยายามดีไซน์การฝึกของท่านเองเถอะครับ เอาให้มันเหมาะที่สุดกับท่าน แต่ขอให้ฝึกทุกวัน, ทั้งวันที่ฝนตกและฝนไม่ตก, วันที่ขี้เกียจและไม่ขี้เกียจ, วันที่มีเวลาและไม่มีเวลา
วันนี้ผมมีเว็บที่เขาสุ่มคลิปมาให้เราฝึกฟังและฝึกพูดตามบทสนทนาภาษาอังกฤษ, แบบสบาย ๆ ตามสไตล์ไม่เคร่งเครียด เมื่อเข้าไปแล้ว คลิปจะเล่นไปเรื่อย ๆ ทีละประโยค โดยมีเสียงให้เราฟังและพูดตาม, และมีข้อความบนจอให้เราอ่าน ท่านจะสังเกตได้ว่า คลิปจะเว้นวรรคเวลาให้เราอ่านข้อความบนจอ และเว้นเวลาให้เราพูดตามเมื่อคลิปพูดจบประโยคแต่ละประโยค
ที่ด้านล่างของจอมีปุ่ม 6 ปุ่ม
- คลิกหมายเลข 1=เริ่มต้นคลิป
- คลิกหมายเลข 2=ถอยหลัง หรือ backward
- คลิกหมายเลข 3=pause คือหยุดชั่วคราว
- คลิกหมายเลข 4=เดินหน้า หรือ forward
- คลิกหมายเลข 5=play ฟังเสียง
- คลิกหมายเลข 6=ให้มี หรือ ไม่มี ข้อความบนจอ
เมื่อฝึกฟัง-ฝึกพูดตาม-ฝึกอ่าน จบคลิปแล้ว, ให้คลิก refresh เว็บจะสุ่มคลิปใหม่มาให้ฝึก
หรือจะไปที่เมนูคลิปบทสนทนา และเลือกคลิปที่ต้องการก็ได้
พิพัฒน์
รวมคลิปคำสอนหลวงพ่อชาที่เทศน์ให้ฝรั่งฟัง
รวมคลิปคำสอนหลวงพ่อชาที่เทศน์ให้ฝรั่งฟัง
มีคำแปลเป็นภาษาอังกฤษโดยพระลูกศิษย์ฝรั่ง ประโยคต่อประโยค / วรรคต่อวรรค
คลิกฟัง: http://tinyurl.com/kupbfg5
ถ้าบางคลิปมีปัญหาดูไม่ได้ โดยมันบอกว่า ให้ disable Safety Mode
ให้อ่านคำแนะนำที่คลิปนี้: http://tinyurl.com/oh87bz5
-พิพัฒน์-
นิทานมีคติเรื่อง cracked pot
สวัสดีครับ
นิทานเรื่อง cracked pot นี้ผมเคยอ่านมานานแล้วตั้งแต่เริ่ม ๆ มีเน็ต เนื้อเรื่องเล่ากันหลายเว็บก็ต่างกันไปบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ใจความหลักก็คือ มีคนใช้ไม้สาแหรกแบกหม้อใส่น้ำซ้ายขวาข้างละใบไปตามเส้นทางหนึ่ง แต่หม้อด้านหนึ่งรั่ว สองปีผ่านไป ก็มีคนวิจารณ์หรือหม้อใบที่ร้าววิจารณ์ตัวเองว่า เก็บน้ำไว้ไม่ได้ทำให้น้ำรั่วเสียของ ชายผู้แบกหม้อคนนี้แบกน้ำไปถึงปลายทางแล้วเหลือน้ำอยู่ในหม้อเพียงครึ่งเดียว
และก็จะมีประโยคสรุปเป็นคติตอนท้ายเรื่องว่า น้ำที่ไหลรั่วไปจากหม้อไม้ได้เสียเปล่า เพราะมีพืชเมล็ดหรือไม้ดอกงอกงามตลอดเส้นทางเพราะได้น้ำที่รั่วนั้นรดทุกวัน สาระหลักเป็นอย่างนี้ แต่ว่ารายละเอียดปลีกย่อย หรือประโยคที่ต่อท้าย “นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า.......” ต่างคนเล่าก็อาจจะต่างคนต่างสรุป
เรื่องนี้มีคติดีมากครับ ผมอยากให้ท่านลองอ่านดู
- ถ้าให้ Google หาก็จะเจอเยอะเลยครับ คลิก cracked pot story
- หรือดูคลิปก็ได้ คลิกดูคลิป
วันนี้ผมนำมาให้ท่านดูเป็นตัวอย่างสักเล็กน้อยแล้วกันครับ
และคลิปตัวอย่าง
พิพัฒน์