Home
ขอแนะนำวิธี "ฝึกอ่าน-ฝึกแปล-ฝึกพูด" โดยให้ add-on Google เป็นพี่เลี้ยง
สวัสดีครับ
ท่านใดมีความมุ่งมั่นที่จะฝึกอ่าน-ฝึกแปล แต่ท้อว่ารู้ศัพท์น้อย อ่านไม่รู้เรื่องหรือรู้เรื่องน้อย อย่าเพิ่งท้อครับ วันนี้ผมขอแนะนำผู้ช่วยที่ขยันขันแข็งและเก่ง รับรองว่าท่านจะฝึกอ่าน-ฝึกแปลได้ผลเร็วเกินคาด ขอให้มีความตั้งใจต่อเนื่องเท่านั้นแหละครับ
ทำตามนี้ครับ
[1] ขอให้เปิดหน้าเว็บด้วย เบราว์เซอร์ Google Chrome
[2] ติดตั้ง Add-on Google แปลภาษา โดยคลิกที่ลิงก์นี้
https://chrome.google.com/webstore/detail/google-translate/aapbdbdomjkkjkaonfhkkikfgjllcleb?hl=th
ถ้าคลิกแล้วมันขึ้นมาว่า
ขออภัย เบราว์เซอร์ของคุณยังไม่ได้รับการสนับสนุน คุณจำเป็นต้อง....
ท่านก็คลิก ดาวน์โหลด GOOGLE CHROME, คลิก ดาวน์โหลดและติดตั้ง, คลิก โหลดแอ๊ปและอุปกรณ์เคลื่อนที่... ตามที่มันตื๊อให้คลิก
เสร็จแล้วก็ copy ลิงก์ข้างล่างนี้
https://chrome.google.com/webstore/detail/google-translate/aapbdbdomjkkjkaonfhkkikfgjllcleb?hl=th
ไป paste ลงในช่อง URL อีกที และ Enter
คลิกเพิ่มใน Chrome, คลิก Add Extension, จนปรากฏคำว่า เพิ่มใน Chrome แล้ว ก็เป็นอันว่า สำเร็จขั้นตอนการติดตั้ง add-on
มันอาจจะดูยุ่งยากนิดหน่อย แต่ทำไปตามที่ผมว่านี่แหละ ไม่ยุ่งยากหรอกครับ
แต่บางท่าน อาจจะไม่เจอการตื๊อให้คลิกอย่างนี้ ก็ถือว่าโชคดีไป ก็จะติดตั้ง add-on ได้เร็วขึ้น
[3] คราวนี้ก็ไปยังหน้าภาษาอังกฤษ หน้าใดก็ได้ที่ท่านต้องการฝึกอ่าน ผมขอแนะนำสัก 2 ลิงก์
Story ง่าย ๆ
ข่าว easy Bangkok Post
[4] ลองฝึกดูก็ได้ครับ อย่างเช่นข่าวนี้
http://www.bangkokpost.com/learning/really-easy/889996/holiday-in-the-snow
เมื่อท่านเจอคำศัพท์ใดที่ไม่รู้หรือไม่แน่ใจก็ดับเบิ้ลคลิกหรือไฮไลท์, มันก็จะขึ้นตัว G ตามรูปข้างล่างนี้,
ท่านก็คลิกที่ตัว G นั้น (ตัว G ก็คือ Google Translate นั่นแหละครับ)
พอคลิก คำแปลก็จะปรากฏ ตามภาพข้างล่างนี้
-ท่านจะคลิกไอคอนรูปลำโพงเพื่อฟังเสียงอ่านคำศัพท์ และฝึกพูดตามด้วย ก็ยิ่งวิเศษครับ และนี่เป็นสิ่งที่ผมขอแนะนำให้ทำอย่างยิ่ง เพราะคำศัพท์ที่เราออกเสียงด้วยปากและได้ยินด้วยหูของตัวเองนั้น มันจะจำได้นานกว่าแค่ผ่านตาเฉย ๆ
-ถ้าคำแปลที่โชว์มันน้อยเกินไป ก็คลิก More, มันจะเปิด tab ใหม่ ให้ท่านเห็นคำแปลอย่างครบถ้วน เมื่อดูเสร็จแล้ว ก็คลิก close ปิดมันไปไม่ให้เกะกะ
-ท่านสามารถฝึกอ่านและแปล โดยให้มันบอกศัพท์ทีละคำ ๆ อย่างนี้ไปได้เรื่อย ๆ
-แต่ถ้าท่านรู้สึกว่า มันก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่อง ท่านจะไฮไลท์ทีเดียว 2-3 คำ (คือเป็นวลี) หรือจะไฮไลท์ทั้งประโยค และก็ดูคำแปลของวลีหรือประโยคนั้นก็ได้ อย่างเช่นตัวอย่างข้างล่างนี้
แต่ผมต้องขอบอกก่อนนะครับว่า การแปลศัพท์เป็นคำ ๆ ของ Google นั้นแปลได้ถูกต้องดี แต่เมื่อขยับให้มันทำงานยากขึ้น โดยแปลวลีหรือทั้งประโยค ความแม่นหรือความถูกต้องจะลดน้อยลง เพราะฉะนั้น เราจึงต้องไตร่ตรองผลงานของ Google ในการแปลวลีหรือประโยคด้วย
ท่านลอง
- ฝึกอ่าน, ฝึกแปล
- ฝึกออกเสียงคำศัพท์-วลี, ฝึกอ่านตามทั้งประโยค
ตามที่ผมแสดงให้ดูอย่างนี้แหละครับ ลองฝึกไปสักพัก ผมขอรับรองว่า ท่านจะพัฒนาตัวเองขึ้นเยอะทีเดียว
เขาเชิญให้ผมไปพูดให้อาจารย์สอนภาษาอังกฤษฟัง – ผมขอคำแนะนำจากท่านด้วยครับ
สวัสดีครับ
ผมได้รับเชิญจาก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 2 อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ ให้ไปพูดให้อาจารย์สอนภาษาอังกฤษชั้น ม.1-ม.3 ประมาณ 40 คนฟัง ในวันที่ 30 เมษายน – 1 พฤษภาคม 2559 ฟัง โดยเป็นการพูดในลักษณะ workshop คือ พูดไป ฟังไป ฝึกปฏิบัติไปพร้อมกัน โดยอาจารย์แต่ละคนจะมี notebook ของตัวเองสำหรับฝึกขณะที่ฟังผมพูด
สาเหตุของการเชิญให้ไปพูดครั้งนี้ ผมเข้าใจว่า ส่วนหนึ่งคงเป็นนโยบายของผู้บริหารที่ต้องการยกระดับผลการสอบ O-Net วิชาภาษาอังกฤษของเด็กให้ดีขึ้น
ส่วนสาเหตุที่ผมนำหัวข้อที่ผมจะพูดมาเล่าในวันนี้ เพราะผมอยากฟังข้อแนะนำจากท่านอาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษ หรือแม้แต่ท่านอื่น ๆ ที่ไม่ได้สอนภาษาอังกฤษก็ตาม เพื่อที่ผมจะได้เตรียมตัวได้ดีขึ้นสำหรับการพูดครั้งนี้
หัวข้อและรายละเอียดโดยสังเขปในการพูดครั้งนี้มีดังนี้ครับ (แต่ตอนพูดอาจจะไม่ได้เรียงเรียงลำดับตามนี้)
❶ Google Advanced Search
เรื่องนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่มันอาจจะไม่ง่ายอย่างที่หลายคนคิด ผมได้ยินหลายคนพูดบ่อย ๆ ว่า ไม่รู้อะไรถามอาจารย์กู(เกิ้ล)ได้ทุกเรื่อง มันอาจจะไม่ใช่อย่างงั้นก็ได้ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการฝึกภาษาอังกฤษ ซึ่งคำตอบในเว็บภาษาไทยอาจไม่มีให้ต่อคำถามที่หลายคนต้องการรู้ ครั้นจะ Search หาคำตอบจากเว็บภาษาอังกฤษ หลายคนก็บอกว่าอ่านภาษาอังกฤษได้ไม่ดีพอ ก็เลยไม่ลุยเข้าไปหา เลยกลายเป็นว่า คนไทยจำนวนมากมายมหาศาลที่ต้องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ แต่ไม่ได้รับประโยชน์จากเว็บไซต์ภาษาอังกฤษซึ่งสามารถตอบทุกคำถาม เพราะพึ่งแต่เว็บไทยซึ่งมีคำตอบแก้ข้อสงสัย หรือมีเนื้อหาให้ฝึกแค่จิ๊ดเดียว
ปัญหาของผมในการพูดหัวข้อนี้มี 2 ข้อ
ข้อที่ 1 ถ่ายทอดทักษะให้ผู้ฟังเข้าใจเทคนิคในการ Search ระดับ advanced – ข้อนี้ผมไม่หนักใจในการพูด เพราะมันเป็นเทคนิคที่ผมใช้เป็นประจำทุกวันในฐานะ webmaster ของ e4thai.com ขอบอกว่า Google Advanced Search นี่นะครับ มันมีเทคนิค ลูกเล่น มากมายที่ผมเข้าใจว่าหลายคนอาจจะยังไม่รู้ แต่ครั้งนี้ผมจะพูดเน้นหนักในการหาข้อมูลสำหรับการเรียน-การสอนภาษาอังกฤษ แต่จริง ๆ แล้ว มันก็เป็นความรู้ที่นำไปใช้หาอะไรต่ออะไรได้ทุกเรื่องนั่นแหละครับ
ข้อที่ 2 ทำยังไงถึงจะสามารถทำให้ครูสามารถกลับไปแนะนำเด็กให้รักที่จะ Search หาความรู้ในการฝึกภาษาอังกฤษจากเว็บไซต์ภาษาอังกฤษ โดยไม่กลัวหรือเกลียดความยากเมื่อเข้าไปแล้วอ่านหรือฟังไม่รู้เรื่อง ผมไม่แน่ใจเลยครับว่าผมจะพูดหัวข้อนี้ได้ดีขนาดไหน นี่คือความหนักใจก่อนพูด
❷ การใช้ Google Advanced Search เพื่อการเรียน, การสอน, และการทำข้อสอบ
นี่คือการเอาข้อสอบ O-Net มาดูไปทีละข้อ แล้วก็ฝึกว่า ถ้าเด็กไปเจอปัญหาตามโจทย์ อาจารย์จะสอนเขาให้ Search เพื่อให้เจอคำตอบได้ยังไง ข้อ ❷ นี้ คือการนำเทคนิคที่สอนในข้อ ❶มาใช้ ซึ่งน่าจะสนุก แต่ผมก็ยังกังวลใจในเรื่องเดิมอีก คือถ้าคำตอบนั้นมันไม่มีในเว็บไทย ต้องไปหาในเว็บฝรั่ง เด็กไทยจะลุยเข้าไปหาหรือไม่
❸ แนะนำ และสาธิตวิธีใช้ website, link, eBook ที่เป็นประโยชน์ ผมรวบรวมไว้แล้วที่ 2 ลิงก์นี้
ใน 2 ลิงก์ข้างบนนี้ ผมพยายามรวบรวม website, link, eBook ที่อาจารย์ไทยแต่ง ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ ต่อทั้งอาจารย์และเด็ก
❹ทักษะ IT สำหรับครูผู้สอนภาษาอังกฤษ
เรื่องนี้เป็นเรื่องจำเป็นหรือไม่จำเป็นต้องพูด ก็ขึ้นอยู่กับว่าท่านรู้แล้วหรือยังไม่รู้ แต่ผมก็อยากจะเก็บมาพูด ท่านเชื่อผมไหมล่ะครับว่า เรื่องที่มีประโยชน์สุด ๆ อย่างเช่นเรื่อง Control+F หรือเทคนิคการหาคำว่ามันอยู่ที่บรรทัดไหนในหน้าเว็บ ก็ยังมีคนอีกเยอะที่ไม่รู้ เขาเลยพลาดของดีที่ควรได้ไปอย่างน่าเสียดาย เทคนิคพวกนี้เท่าที่นึกออกขณะนี้ก็อยู่ข้างล่างนี้
- browser setting
- การเปิด tab ใหม่
- การขยาย / ลด ขนาด Font
- การหาคำ Control+F
- การ encode
- save, download, print(pdf)
- Install program
- 3 วิธีง่าย ๆ ในการดาวน์โหลดคลิปวีดิโอ YouTube
- การใช้ไฟล์ pdf
- การ Search YouTube
- Add-on ที่มีประโยชน์ที่ใช้กับ browser
ตามปกติที่ผมเคยไปพูดที่จังหวัดอื่น นิสัยเสียที่ผมแก้ไม่หายก็คือ พอพูดเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็มักลงรายละเอียดจนเกินเลยเพราะอยากให้คนฟังรู้เยอะ ๆ ทำให้พูดเกินเวลาและเลิกเย็น งวดนี้ผมบอกตัวเองจะต้องแก้นิสัยเสียข้อนี้ให้ได้
เท่าที่เล่ามานี้ ถ้าท่านใดหรืออาจารย์ท่านใด มีข้อแนะนำสำหรับการเตรียมตัวไปพูดครั้งนี้ของผม ทิ้ง Comment ไว้ได้เลยครับ ขอบคุณมากครับ
เรียนภาษาอังกฤษแบบอเมริกันที่ usalearns.org
สวัสดีครับ
การเรียนภาษาอังกฤษกับเว็บนั้นเรียนได้หลายแบบ แบบหนึ่งที่ผมและหลายท่านอาจจะชอบเหมือนกันก็คือ เรียนสบายตามอารมณ์ อยากเรียนอยากรู้อะไรก็ search แล้วก็เรียนตามนั้น
แต่มีการเรียนอีกวิธีหนึ่งที่ต้องอาศัยวินัยมากกว่า คือการเรียนตามตาราง /schedule / หลักสูตร / series / program ฯลฯ ที่เว็บเขาจัดให้เรียน
ที่เว็บนี้ของประเทศสหรัฐฯ ก็เป็นการเรียนภาษาอังกฤษทำนองนี้
และเว็บทำนองนี้ ปกติก่อนใช้ ต้อง register ก่อน
http://www.usalearns.org/student-registration
ผมรู้สึกว่าเว็บฝรั่งทำนองนี้ คนไทยไม่ค่อยชอบกันนัก แต่ผมเห็นว่าหลายเว็บมีการสอนที่เป็นระบบทีเดียว คุณครูอาจจะนำบางอย่างไปใช้สอนในห้องเรียนได้ ถ้ามีเวลาก็ลองเข้าไปสำรวจดูนะครับ
ศึกษาเพิ่มเติม:
100 idiom เกี่ยวกับ เวลา และข้อแนะนำวิธีการจำ idiom
สวัสดีครับ
วันนี้ผมมี 100 idiom เกี่ยวกับ เวลา หรือ time มาฝาก ซึ่งโดยมากเป็น idiom ที่เราเจอบ่อย ๆ เมื่อเราอ่าน story, บทความ หรือข่าว
ท่านลองคลิกเข้าไปอ่านดูก่อนคร่าว ๆ ก็ดีครับ แล้วค่อยกลับมาอ่านบทความที่ผมเขียนทีหลัง
→http://www.myenglishteacher.eu/blog/english-idioms-for-time-with-examples/ หรือ ลิงก์นี้
ท่านผู้อ่านครับ เรื่อง idiom ในภาษาอังกฤษเนี่ยะ ถ้าเรา Google ด้วยคำว่า common english idioms หรือ สำนวนภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อย Google ก็จะจัดมาให้เราศึกษาทันที แต่เรื่องของเรื่องก็คือว่า แม้เขาจะบอกว่า เป็น idiom ที่ใช้บ่อย เจอบ่อย แต่ถ้าเราไม่เคยเจอมันมาก่อนเลย มันก็เป็นสำนวนที่ห่างเหินสำหรับเราอยู่นั่นเอง ซึ่งนี่อาจจะเป็นเพราะว่า เราอ่านภาษาอังกฤษน้อย เราจึงเจอ idiom น้อย แม้จะเป็น idiom ที่เขาบอกว่า พบบ่อย – ใช้บ่อยก็ตาม
เมื่อผมไล่ดู 100 idiom ที่เกี่ยวกับเวลา หรือtime ในลิงก์ข้างบน ผมก็ได้ข้อสรุปว่า ถ้ามองจากความคุ้นเคยของแต่ละคน เราสามารถแบ่ง idiom ที่เราไม่เคยพบเห็นมาก่อนออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
ประเภทที่ 1:
Idiom ที่พออ่านปุ๊บก็เดาได้ทันทีว่ามันน่าจะหมายความว่าอย่างไร สาเหตุที่เราแน่ใจว่าเราน่าจะเดาไม่ผิดก็เพราะว่า เมื่อเราแปลจากศัพท์ทีละตัว มันน่าจะหมายถึงอย่างนั้น ๆ ยกตัวอย่าง idiom ข้างล่างนี้
- around the clock – ตลอด 24 ชั่วโมง
- dwell on the past – อาศัยอยู่กับอดีต หรือ จมอยู่กับอดีต
- against the clock – แข่งกับนาฬิกา (ก็คือแข่งกับเวลา)
- better late than never – มาสายดีกว่าไม่มา, ทำช้าดีกว่าไม่ทำเลย
- time flies – เวลาติดปีกบิน คือเวลาผ่านไปเร็วมาก
- time for a change – ได้เวลาสำหรับการเปลี่ยนแปลงชีวิตแล้ว
- long time no see – เวลายาวไม่เห็น คือพูดทักเพื่อนว่า นานมากเลยนะที่เราไม่ได้เจอกัน
- no time like the present – ไม่มีเวลาไหนคล้ายปัจจุบัน คือ จะทำอะไรก็ทำซะตอนนี้เลย
ประเภทที่ 2:
เป็น idiom ที่พออ่านปุ๊บเราก็ไม่แน่ใจนักว่ามันจะหมายความอย่างนั้นหรือเปล่า แต่เมื่ออ่านและดูคำแปลของศัพท์ทีละตัว มันก็ชวนให้คิดว่า มันก็น่าจะหมายความอย่างนั้น ๆ แต่เราก็ไม่แน่ใจ 100 % เพราะมันอาจจะไม่ได้แปลตรงตัวเด๊ะก็ได้ อย่างไรก็ตามถ้าเราเจอ idiom ประเภทนี้ในประโยค โอกาสแน่ใจว่าเดาถูกก็มีมากขึ้น เพราะข้อความในประโยคมันช่วยชี้ว่า idiom ใหม่ที่เราไม่เคยเจอนี้ มันน่าจะหมายความว่าอย่างไร เช่น
- The doctors say his days are numbered. They don’t have much hope of him surviving this illness.
หมอหลายคนพูดว่า วันของเขานับได้แล้ว พวกหมอไม่มีความหวังมากนักว่าเขาจะรอดจากอาการป่วย – เห็นอย่างนี้เราก็พอจะเดาได้ว่า idiom นี้ days are numberedน่าจะเป็นสำนวนพูดถึงคนป่วยที่อีกไม่กี่วันก็ตาย
ผลโพลล่าสุดชี้ว่า จำนวนวันที่เขาจะเป็นผู้นำถูกนับแล้ว ก็คือ คงจะเป็นผู้นำได้อีกไม่นาน
- You should make more time for your children.
คุณควรจะ make time ให้ลูก ๆ ของคุณ อย่างนี้ก็ต้องเดาแหละครับว่า make time คือ หาเวลาที่จะให้แก่ลูก ๆ มากขึ้น
- I wake up at the crack of dawn and go for a run every day.
ประโยคนี้ เรารู้ว่า crack = แตก, dawn = รุ่งอรุณ เพราะฉะนั้น ฉันตื่นขึ้นเมื่อรุ่งอรุณแตกและออกไปวิ่งทุกวัน idiom crack of dawn ก็ต้องแปลว่ารุ่งเช้าเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น
- A lot of new internet companies are here today and gone tomorrow.
บริษัทอินเทอร์เน็ตรายใหม่ ๆ จำนวนมาก here today and gone tomorrow วันนี้อยู่พรุ่งนี้ไป idiom นี้ก็ต้องแปลว่า อะไรที่มันไม่คงทน อายุสั้น
ประเภทที่ 3:
Idiom ประเภทนี้แหละครับที่น่าจะยากที่สุด เพราะว่า มันอาจจะแปลคนละเรื่องกับความหมายของศัพท์เป็นคำ ๆ หรือมันอาจจะมีที่มาจากนิทานหรือประวัติศาสตร์ของฝรั่ง จนเราเดาความหมายของ idiom ไม่ออก แต่กระนั้นก็เถอะ ถ้า idiom มันอยู่ในประโยค เราก็ต้องพยายามเดา และ verb to dao นี่แหละครับที่มีประโยชน์มากที่สุดในการศึกษาภาษาอังกฤษ และทุกท่านควรฝึกใช้ให้ชำนาญ เพราะการเดาเป็นเรื่องที่ต้องฝึก เมื่อฝึกเดาเป็นประจำก็จะเดาได้เก่งขึ้น ถ้าไม่ฝึกโอกาสเดาสุ่มก็มีเยอะ
ลองดูตัวอย่าง idiom เกี่ยวกับ time ในกลุ่มนี้
- He received his full inheritance when he came of age.
เขาได้รับมรดกของเขาอย่างสมบูรณ์เมื่อเขา came of age
อย่างนี้ come of age หรือ มาถึงอายุมันน่าจะแปลว่าอะไร มันแปลว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว หรือบรรลุวุฒิภาวะแล้ว หรือบรรลุนิติภาวะแล้ว ท่านจะเห็นว่า idiom กลุ่มนี้มันชักจะเดายากขึ้นแล้ว เพราะฉะนั้น พอรู้ความหมายของมันปั๊บ ให้พูดดัง ๆ ให้ตัวเองได้ยินในใจและผ่านหู จะช่วยให้จำได้แม่นขึ้น
- I just heard my favourite song on the radio and it made my day!
ฉันเพิ่งได้ยินเพลงโปรดจากวิทยุ และมัน made my day
สำนวนอย่างนี้มันน่าจะแปลว่าอะไรล่ะครับ ถ้าเป็นข้อสอบ A. ทำให้นึกถึงความหลัง B. ทำให้มีความสุขหรือพออกพอใจ C. ทำให้หายง่วง ท่านจะตอบข้อใด คำตอบคือข้อ B. แต่เราก็ไม่แน่ใจ 100 % ถ้าไม่รู้มาก่อน
- He waited too long to apply for that job, and now the ship has sailed.
เขารอนานเกินไปกว่าจะสมัครงานนั้น และตอนนี้เรือก็ได้แล่นใบแล้ว
idiom ship has sailed จะแปลว่าอะไรล่ะ มันแปลว่า โอกาสในเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้ผ่านไปแล้ว และตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว idiom นี้แม้เมื่อเห็นประโยคเราก็พอจะเดาได้ แต่ก็ชักจะเดายากนะครับ
เอาเป็นว่า ผมขอสรุปอย่างนี้แล้วกันนะครับ
ข้อ 1:
ถ้าเราอ่านภาษาอังกฤษบ่อย ๆ เราก็จะเจอ idiom ในประโยคที่เขาใช้มันอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากจะช่วยให้เราเข้าใจ idiom แล้ว เรายังได้เห็นการใช้ idiom ในสถานการณ์จริง ๆ และเมื่อนำมันมาใช้พูดหรือเขียนบ้าง เราก็จะมีความมั่นใจ นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการศึกษา idiom
ข้อ 2:
ถ้าเราศึกษาจากหนังสือหรือลิงก์ที่เขารวบรวม idiom ไว้อย่างลิงค์นี้ ก็ขอให้เราอ่านคำศัพท์, อ่านประโยค, อ่านคำอธิบาย, เดา, ตีความ และค่อย ๆ จดจำไปทีละอันสองอัน อย่างตั้งใจ เราก็จะค่อย ๆ สะสมได้มากขึ้นเองแหละครับ
เรื่องของผมกับหมากลางถนนตัวหนึ่ง
สวัสดีครับ
ทุก ๆ เย็นผมจะไปเดินออกกำลังที่ลานจอดรถขนาดใหญ่มากแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้คอนโดที่ผมพัก ลานนี้มักโล่งและมีที่ว่างให้ผมเดินได้สบาย ๆ
เย็นวันหนึ่งขณะกำลังเดิน ผมรู้สึกว่ามีอะไรมาโดนที่มือผมจากข้างหลัง เมื่อเหลียวไปดูก็รู้ว่า มันคือเจ้าหมาตัวสีขาวน้ำตาลตัวนั้นซึ่งมาเลียมือผมแผล็บนึงแล้วก็เดินห่างออกไป ผมไม่เคยรู้จักหมาตัวนี้มาก่อน ขอเรียกเขาว่า “เจ้าขาว” แล้วกันครับ
ที่ลานจอดรถนั้น มีหมากลางถนน ไร้เจ้าของ ไร้คนเลี้ยง กระจัดกระจายทั่วลานอยู่หลายตัว ผมไม่รู้จักตัวไหนเลย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมถูกหมาตัวหนึ่งทัก
หลังจากเดินเสร็จ 1 ชั่วโมงตามปกติ ผมเกิดความรู้สึกว่า เมื่อหมากลางถนนตัวนี้ที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเข้ามาทัก แสดงว่าเรามีชะตาต้องกัน ผมเลยเดินไปซื้อหมูปิ้งมาให้เจ้าขาว 1 ไม้ ผมเดินไปหามันเพื่อยื่นหมู แต่มันหนีห่าง ไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้ และไม่ยอมมาใกล้ผม ผมเลยต้องวางหมูบนถุงพลาสติกที่พื้นและออกห่าง ๆ... ห่างเยอะทีเดียวครับ
ผมเห็นเจ้าขาวเข้าไปกินหมูที่ผมวางไว้ ผมเข้าใจว่ามันอร่อย อ้อ! ลืมบอกไป จุดที่ผมเจอเจ้าขาวอยู่แถว ๆ กลางลานซึ่งวันนั้นโล่งมาก
หลายวันต่อมาผมเจอเจ้าขาวนอนเล่นอยู่แถว ๆ นั้น ผมเดินเข้าไปทักตามประสาเพื่อนที่รู้จักกัน แต่เจ้าขาวออกห่างไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้
พอเดินเสร็จ ผมเดินไปซื้อหมูปิ้งเจ้าเดิมซึ่งอยู่ห่างจากลานจอดรถนั้นพอสมควร แล้วเดินกลับมาให้เข้าขาว เจ้าขาวยังคงเหมือนเดิมคือไม่ยอมใกล้ผม แต่ลดระยะห่างลงเยอะ ผมต้องวางหมูปิ้งไว้และถอยออกไปหน่อย ปล่อยให้เจ้าขาวเข้ามากิน แต่ผมสังเกตว่าเจ้าขาวกระดิกหางตลอดเวลาและท่าทางเป็นมิตรไม่ถือเนื้อถือตัวเลย
วันนี้ผมลงไปเดินที่ลานจอดรถประมาณ 3 ทุ่มซึ่งค่ำไปหน่อย พอเดินเสร็จขณะ warm down เจ้าขาวเดินเข้ามาหาและเลียรองเท้าผ้าใบที่ผมใส่ ผมใช้มือลูบหัวมัน มันก็ยอมให้ลูบเหมือนรู้จักกันมานาน ผมบอกเจ้าขาวว่า รอก่อนนะ เดี๋ยวจะไปซื้อหมูปิ้งมาให้ แต่ถ้ารถหมูปิ้งเขาเลิกขายแล้วก็ไม่กลับมานะ วันหลังหนูค่อยกินแล้วกันนะ เจ้าขาวดูเหมือนฟังรู้เรื่อง แต่ผมไม่รู้ว่ามันรู้เรื่องหรือเปล่า แต่มันเดินมาส่งผมจนถึงประตูรั้วลานจอดรถ
ผมเดินไปที่รถขายหมูปิ้งเจ้าเดิม แต่หมูปิ้งหมดเหลือแต่ไข่ต้มซึ่งผมเดาว่าเจ้าขาวคงไม่ชอบกิน ผมเลยเดินไปที่รถเข็นขายหมูปิ้งอีกคอนโดหนึ่ง แต่ผมโชคร้ายคนขายกลับบ้านแล้ว
ถึงผมจะโชคร้ายแต่ก็ไม่อยากให้เจ้าขาวผิดหวัง เลยเดินห่างออกไปอีก 2 คอนโด คราวนี้ไม่ผิดหวัง เจอรถขายหมูปิ้งและสั่ง 2 ไม้ไม่เอาน้ำจิ้มตามสูตรเดิม เพราะกลัวมันเผ็ดเจ้าขาวจะไม่อร่อย
ผมเดินกลับไปที่ลานจอดรถ กะจะไปที่กลางลานสถานนัดพบของเรา แต่เพียงไปถึงรั้วก็เจอเจ้าขาวยืนกระดิกหางรออยู่แล้ว ผมหาที่นั่ง และโดยไม่ต้องเรียกเจ้าขาวก็เข้ามาหาและกินหมูปิ้งซึ่งวันนี้ผมซื้อให้โดยต้องใช้ความพยายามมากกว่าเดิม ผมเชื่อว่ามันมีความสุขที่ได้กิน ส่วนผมก็มีความสุขที่ได้เห็นมันกิน
ค่ำวันนี้ผมเดินกลับคอนโดที่พักด้วยความสุข และขอบคุณเจ้าขาวที่เป็นผู้ให้ หวังว่าพรุ่งนี้และวันต่อ ๆ ไปคงมีโอกาสได้รับความสุขจากการเดินออกกำลังกายตอนเย็นเช่นนี้อีก
More Articles...
- ฝึกภาษาอังกฤษกับ English Baby!
- ผมยินดีรับเชิญเป็นวิทยากรครับ
- พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษอย่างสมบูรณ์ครบวงจรกับ British Council
- การใช้ big, large, great
- ถ้าเรียนภาษาอังกฤษอย่างผีเสื้อมีคนช่วย จะไม่มีวัน "บินได้"
- เมื่อฟังไกด์คนจีนแนะนำลูกทัวร์
- เนื่องใน “วันแห่งความรัก” จาก ●พิพัฒน์ & ประสาร e4thai.com Webmasters●
- ชีวิตที่น่าสงสาร !!!
- เข้ายุค AEC มา 1 เดือนแล้ว, มีอะไรเปลี่ยนแปลงดีขึ้นบ้างเกี่ยวกับทักษะภาษาอังกฤษของคนไทย และของท่าน ?
- อาหารอร่อย ๆ เต็มโต๊ะเลือกกินไม่ถูก? vs eBook ดี ๆ เต็มดิสก์เลือกอ่านไม่ถูก?
- ถ้าวิธีที่ถนัดและสบายใช้เรียนภาษาอังกฤษไม่ได้ผล - ก็น่าจะลองเปลี่ยนไปใช้วิธีที่ไม่ถนัดและลำบากดูบ้าง
- 7 สาเหตุที่ฟิตอังกฤษแล้วไม่รู้จักก้าวหน้า โดยเฉพาะเรื่องการพูด
- ebook ที่ดาวน์โหลดเก็บไว้มากมาย จะมีวิธีศึกษายังไงให้เกิดประโยชน์?
- 4 วิธีฟิตภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง
- การทำให้เด็กรักในความรู้ คือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ในวันเด็ก
- ●●●← “ให้” –เสียงเพลงอันไพเราะ ที่ควรดังอยู่ในใจทุกคน ปีนี้ ทุกปี และตลอดไป→●●●
- สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๙ ครับ
- ฝึกอังกฤษให้ได้ผล ตามหลักอิทธิบาท 4
- เรียนภาษาอังกฤษ แบบ “2 ไม่ – 2 เอา” เรียนเท่าไรก็ไปไม่ไกลสักที
- คำแนะนำจากผู้รู้หลายท่าน เกี่ยวกับวิธีเรียนให้เก่งอังกฤษ