Google WWW Blog e4thai www.e4thai.com

วิธีฝึกอ่าน e-book สำหรับท่านที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง

readsmile1

สวัสดีครับ

       ถ้าเราต้องการอ่าน e-book ภาษาอังกฤษ (ที่มีให้ดาวน์โหลด free มากมายในเน็ต)  ผมขอแนะนำวิธีฝึกอ่าน ดังนี้:

[1] เรื่องแรกที่สุด คือการบอกใจตัวเองให้เชื่อฟังความจริงดังต่อไปนี้

  • การอ่าน e-book ภาษาอังกฤษ มีประโยชน์มหาศาล ซึ่งนอกจากความรู้และความเพลิดเพลินแล้ว ยังทำให้เรารู้ศัพท์, รู้แกรมมาร์, เห็นลีลาของภาษา ซึ่งช่วยในการฟัง-พูด-เขียน ภาษาอังกฤษ, หากไม่ฝึกอ่าน ของดีที่ควรได้ก็อาจจะเดี้ยงไปดื้อ ๆ
  • หากใจเย็นฝึกอ่านไปไม่หยุด จะได้ผลสำเร็จและความสุข หากใจร้อน จะได้ความล้มเหลวและความทุกข์
  • เป็นเรื่องธรรมดาถ้าอ่านแล้วรู้เรื่องน้อยหรือไม่รู้เรื่องเลย แต่ความพยายามจะชนะอุปสรรคเสมอ  คนที่ไม่เคยพยายามหรือพยายามน้อยเกินไป ฟังคำพูดนี้กี่ครั้ง ๆ ก็คงไม่เข้าใจ  ฉะนั้น ลองพยายามทำอะไรเล็ก ๆ ที่สำเร็จง่าย ๆ เพราะจริง ๆ แล้ว เรื่องใหญ่ ๆ ที่ยากก็สำเร็จได้ถ้าเราพยายามเยอะ ๆ มันเป็นบัญญัติไตรยางค์ง่าย ๆ ของชีวิต

[2] เรื่องต่อไป คือเลือก e-book เล่มที่จะอ่าน

       e-book แบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ (1) fiction คือ นิยาย เรื่องสั้น เรื่องเล่า นิทาน  และ (2) nonfiction คือ หนังสือพวกตำรา ความรู้ สารดดี บทความ ที่ไม่ใช่ประเภท story   

       e-book ทั้ง 2 ประเภทนี้ ในเว็บนี้มีให้ท่านดาวน์โหลดมากพอสมควรที่ลิงค์นี้:Download Sites

หรือท่านจะไปหาเล่มอื่น ๆ ที่ท่านต้องการก็ได้ ตามลิงค์นี้

       เรื่องการเลือกเล่ม e-book ที่จะอ่านนี่นะครับ ท่านต้องยอมลงทุนสละเวลาเลือกด้วยตัวเองครับ อย่าได้นั่งอยู่เฉย ๆ รอให้คนอื่นมาบอกว่าเล่มนั้นน่าอ่าน เล่มนี้น่าอ่าน, concept แบบวิริยะน้อยแต่หวังกำไรเยอะ เอามาใช้กับเรื่องนี้ไม่ได้ครับ, ท่านต้องยอมออกแรงมากเพื่อหาให้พบ e-book เล่มที่เหมาะกับท่าน และท่านก็จะได้กำไรมาก คือกำไรจากผลดีที่ได้ฝึกกับ e-book เล่มเหมาะที่ท่านลงทุนเลือกเอง

readsmile2

[3] แต่ถ้าท่านบอกว่า เลือกไม่ถูก, เลือกเล่มไหนก็อ่านไม่รู้เรื่องสักเล่ม, อ้า! ถ้าเป็นอย่างนี้ ท่านก็ต้องยอมรับว่าพื้นฐานอ่อน มันอาจจะเกิดจากกรรมเก่าหรืออะไรก็ไม่ต้องสืบสาวราวเรื่องหรอกครับ แต่ท่านต้องถามตัวเองว่า ถ้าเปรียบทักษะการอ่านภาษาอังกฤษตอนนี้ของท่านเหมือนบ้านกระต๊อบโยกเยกที่ไม่แข็งแรงเลย ท่านต้องการเปลี่ยนเป็นบ้านที่มั่นคงทนทานต่อแดด-ลม-ฝนหรือไม่? ถ้าคำตอบคือ Yes ! ท่านก็ต้องลงทุนปลูกบ้านใหม่ และต้องเริ่มด้วยการลงเสาเข็ม  และการกลับไปฝึกอ่านเรื่องที่ง่าย ๆ ระดับ A..B..C..D… อาจจะจำเป็นสำหรับบางท่านที่ไม่ได้ใส่ใจให้เพียงพอต่อการเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่อยู่ชั้นอนุบาลหรือประถม, มันเป็นกรรมเก่าที่ต้องชดใช้, เป็นหนี้กรรมที่ต้องจ่ายให้เจ้ากรรมนายเวรซึ่งท่านติดค้างไว้ตั้งแต่สมัยเด็ก  และตอนนี้คงไม่มีประโยชน์ที่จะตำหนิครูว่าตอนนั้นสอนท่านไม่ดี

       e-book ระดับ A..B..C..D… เพื่อการปูพื้นฐาน หรือลงเสาเข็ม ที่ขอแนะนำ อยู่ที่ลิงค์นี้ครับ

[4] เอาละ สมมุติว่า ตอนนี้ท่านเลือก e-book เล่มที่ท่านจะฝึกอ่านได้แล้ว

       ผมมีข้อแนะนำพื้นฐานว่า ถ้าเป็น e-book ประเภท story ที่ตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายเป็นเรื่องเดียว, ท่านก็ควรอ่านให้จบเรื่อง, แต่ถ้าในเล่มนี้มีเรื่องสั้นหลาย ๆ เรื่อง  ท่านก็เลือกอ่านเรื่องที่ท่านชอบ เรื่องไหนอ่านแล้วไม่ชอบก็ไม่ต้องทนอ่านมัน,  แต่ก็อย่าไม่ชอบเร็วเกินไปนัก

       แต่ถ้าเป็นหนังสืออีกประเภทหนึ่ง คือ nonfiction คือตำรา หรือความรู้ หนังสือพวกนี้วิธีที่ถูกต้องคือ อ่านคำนำ หรือ Preface หรือ Introduction ให้จบก่อน, ตามด้วยการอ่านสารบัญ หรือ Contents ทั้งนี้เพื่อให้รู้ว่าทั้งเล่มมันมีเนื้อหาอะไรอยู่ที่บทไหน แล้วก็ค่อยตัดสินใจว่า ถ้าเราจะอ่านเพียงบางบทที่เราชอบจัด ๆ ซึ่งไม่ยาวเกินไป  ไม่ยากเกินไป  พอฟัดพอเหวี่ยงไหว เราจะอ่านบทไหน เมื่อตัดสินใจแล้วก็กัดฟันอ่านบทนั้นให้จบ อ่านจบแล้วก็ให้ภูมิใจในตัวเองสักเล็กน้อย แล้วก็เลือกบทใหม่เพื่อเป็นการบ้านชิ้นต่อไป ช่วงพักระหว่างบทนี้  อย่าให้นานเกินไป เพราะความขี้เกียจมันจะเข้ามาครอบงำ ทำให้เราหมดความฮึกเหิม

readsmile3

       ผมมีความเห็นว่า สำหรับท่านที่ต้องการเติมความรู้ใส่ชีวิตอย่างเนืองนิตย์ผ่านเส้นทางของภาษาอังกฤษ ท่านควรตั้งจิตอธิษฐานบอกพระว่า จะตั้งใจพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตที่ดีกว่า และจะไม่ยอมผิดสัญญาที่ให้ไว้แก่ตัวเอง ขออาราธนาให้พระเป็นพยานด้วย  ถ้าท่านตั้งใจจริงอย่างนี้ ผมเชื่อว่า ท่านย่อมสามารถเปลี่ยนทักษะภาษาอังกฤษของท่านที่อ่อนแอเหมือนกระต๊อบให้เป็นบ้านที่มั่นคงแข็งแรงได้อย่างแน่นอนครับ

พิพัฒน์

https://www.facebook.com/EnglishforThai

 

Google
Search WWW Search Blog e4thai Search www.e4thai.com