Google WWW Blog e4thai www.e4thai.com

ดูหนังฝรั่งพร้อมอ่านซับอังกฤษ... เป็นวิธีฝึกฟังที่ผิด! แต่ฝึกให้ถูกวิธีก็ทำได้ !!

สวัสดีครับ
       ผมดู 2 คลิปข้างล่างนี้

 

 
        เขาแนะนำวิธีฝึกฟังภาษาอังกฤษโดยการดูหนัง โดยสรุปว่า การดูหนังฝรั่งพร้อมอ่าน English subtitle นั้นไม่ช่วยให้ทักษะการฟังดีขึ้น โดยเล่าจากประสบการณ์ของตัวเองที่ฝึกอย่างนี้มาถึง 6 ปีตอนที่อยู่ college ก็ยังฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง โดยเขาบอกว่าที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่า

       -ตอนที่ดูหนังพร้อมอ่านซับ สมองจะแยกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ฟังด้วยความเอาใจใส่ หรือ listen ส่วนที่ 2 อ่านซับเพื่อให้ดูหนังรู้เรื่อง แต่เพราะหนังสนุกและเราก็อยากรู้เรื่อง สมาธิจึงทุ่มให้กับการอ่านโดยไม่รู้ตัวและตาก็มองเห็นตัวหนังสือชัด ส่วนสมาธิที่ให้กับการฟังนั้นเหลืออยู่น้อย เพราะสิ่งที่ได้ฟังด้วยหูมันมักจะเบลอร์ ไม่เคลียร์เหมือนสิ่งที่ได้อ่านด้วยตา แม้เราจะพูดว่ากำลังฟังหรือ listen แต่จริง ๆ มันเป็นแค่การได้ยินหรือ hear เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น ถึงแม้จะดูหนังฝรั่งหร้อมอ่านซับบ่อยหรือนานเพียงใด ก็มักไม่ช่วยให้ listening skill ดีขึ้น ที่ได้อย่างมากก็คือ reading skill เพราะต้องอ่านให้ทันถึงจะรู้เรื่อง
       เขาแนะว่าให้ฝึกดูหนังฝรั่งโดยไม่ต้องอ่านซับ แต่ปัญหาก็คือ ถ้าไม่อ่านซับก็ไม่รู้เรื่อง ถ้าไม่รู้เรื่องก็เบื่อ ถ้าเบื่อก็ไม่อยากดู แล้วจะให้ฝึกยังไงจึงจะดูหนังฝรั่งรู้เรื่อง
       คำแนะนำของเขาใช้ได้ทั้งสำหรับการดูหนังหรือการฟังภาษาอังกฤษประเภทอื่น ๆ ซึ่งมีอยู่สั้น ๆ 2 ข้อ คือ
      [1] เริ่มฟังจากเนื้อเรื่องที่ง่ายไปหายาก
            การฟังเรื่องที่ยากเกินไปซ้ำ ๆ หลาย ครั้งโดยกะว่าจะต้องฟังให้รู้เรื่องให้ได้ วิธีนี้ได้ผลน้อยกว่าค่อย ๆ ฟังเรื่องที่พอเข้าใจและขยับความยากขึ้นไปตามลำดับ
      [2] เริ่มจากฟังเรื่องที่พูดช้า ๆ ไปหาเรื่องที่พูดเร็วขึ้น ซึ่งมี 3 วิธีให้ฝึก
            -หาคลิปที่พูดไม่เร็วเกินไปให้ตัวเองพอฟังรู้เรื่อง และเมื่อหูฟังได้ดีขึ้นก็ให้เปลี่ยนไปฟังคลิปที่ค่อย ๆ ยากขึ้น-เร็วขึ้น อย่าติดแต่ฟังสิ่งที่เข้าใจสบายหู จนลืมหาเรื่องใหม่ที่ยากและเร็วมาให้หูฝึกฟังบ้าง
           -ฟังคลิป YouTube ขณะต่อเน็ต โดยที่ขอบล่างขวาจะมีปุ่มให้คลิก Settings → Speed → Normal(1.0) หรือถ้าต้องการให้คลิปพูดช้าลงก็คลิก 0.5  ลองดูคลิปข้างล่างนี้


           -ดาวน์โหลดคลิป และเปิดฟังด้วยโปรแกรมที่สามารถลด speed เช่นโปรแกรม Windows Media Player ซึ่งตามปกติจะตั้ง speed ไว้ที่ 1.0 แต่ผมได้ทดลองดูแล้ว ถ้าเราขยับให้มันลดลงเหลือ 0.6 – 0.8 จะฟังง่ายขึ้นเยอะ และก็ไม่รู้สึกว่าพูดลากเสียงจนผิดธรรมชาติ เหมือนกับที่ฟังคลิป YouTube online ซึ่งลด speed เหลือ 0.5 ซึ่งลากเสียงจนไม่น่าฟังเลย (เพราะฉะนั้น ดาวน์โหลดคลิปมาก่อน และเปิดฟังที่ speed 0.7-0.8 ซึ่งน่าฟังกว่าเยอะ)
            ♥ เข้าไปดูวิธีคลิกเพื่อลด speed ผ่านโปรแกรม Windows Media Player - คลิก

        คราวนี้มาถึงคำถามว่า ให้ปิดซับหรือห้ามดูซับโดยเด็ดขาดเลยหรือ? ในความเห็นส่วนตัว ถ้าเราต้องการพัฒนา listening skill กันจริง ๆ ก็น่าจะฝึกอย่างนี้
        A -ซับนั้นอ่านได้ แต่คนละเวลากับที่ฟัง คือ ถ้ามีซับขึ้นบนจอก็คลิก play ให้คลิปเล่นไปเรื่อย ๆ แต่ปิดเสียง ให้เราอ่านบทพูดและตีความทำความเข้าใจไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ประโยคไหนยากอาจจะต้อง pause นานหน่อยเพื่อตีความให้เคลียร์ หรือถ้าไม่มี subtitle บนจอแต่เรามี script ให้อ่าน ก็อ่านให้เข้าใจลุล่วงตลอดเสียก่อน ขั้นตอนนี้คือแก้ปัญหาเรื่องศัพท์สำนวนให้ลุล่วงไปก่อน แต่ถ้าคลิปที่ฟังมีบทพูดง่ายมาก ขั้นตอนนี้ก็ไม่ต้องทำ
        -ส่วนการฟัง(listen)พร้อมอ่านซับ(read)นี้ เขาบอก(ซึ่งผมเห็นด้วย)ว่ามันทำยาก เพราะถ้าเรามุ่งจะ read ให้รู้เรื่อง มันก็ยากที่เราจะเงี่ยหู 100% ให้กับการ listen มันก็เลยไม่ได้ฝึก listen อย่างจริง ๆ จัง ๆ ซะที และผลสุดท้ายก็คือ เมื่อดูคลิปหรือดูหนังที่ไม่มีซับให้อ่าน ก็จะไม่รู้เรื่อง เพราะ listening skill ของเราไม่ได้รับการฝึกอย่างจริง ๆ จัง ๆ ซะที เพราะฉะนั้น เวลาที่หูฟังไม่ต้องให้ตาเป็นผู้ช่วย
       ท่านผู้อ่านครับ ตามความเห็นที่ว่ามาทั้งหมดนี้ ท่านผู้อ่านเห็นด้วยหรือไม่ ก็ตรองเอาเองแล้วกันครับ
       ท้ายบทความนี้ผมขอแถมคลิปให้ท่านลองฟัง ท่านสามารถ

  • -เปิดหรือปิด subtitle บนจอ โดยคลิก CC ที่ขอบจอล่างขวามือ
  • -ฟังด้วยความเร็วปกติ (normal speed 1.0) หรือลด speed เหลือ .05 ก็ทำได้ตามอัธยาศัยครับ โดยคลิก SettingsSpeed


         ผมดาวน์โหลดคลิปนี้มาแล้ว ขนาดประมาณ 135 MB ท่านลองเปิดด้วยโปรแกรม Windows Media Player และปรับลดความเร็วตามที่ผมว่า และหลังจากที่ฟังรู้เรื่องมากขึ้น ก็ปรับเป็น normal speed (1.0) หรือเร็วกว่าปกติ (เช่น 1.2) ก็ได้

               → คลิกดาวน์โหลดคลิป
        สรุปอีกทีก็คือ ถ้าฝึกฟังก็ต้องฟังจริง ๆ ฟังจนเกิด listening skill อย่าให้ตัวเองเข้าใจผิดว่าฟังรู้เรื่อง ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วมันเป็นการรู้เรื่องด้วยการอ่าน
พิพัฒน์

Google
Search WWW Search Blog e4thai Search www.e4thai.com