การฝึกฟังภาษาอังกฤษ ต้องมี 4 อย่างนี้
การฝึกฟังภาษาอังกฤษ ต้องมี 4 อย่างนี้ | |
A มีเรื่องฟัง (ต้องหาเรื่องฟังที่เหมาะสมกับตัวเอง) | ① เป็นเรื่องที่ตัวเองชอบ, สนใจ, ฟังแล้วใช้ประโยชน์ได้ |
② เป็นเรื่องที่ใช้ศัพท์ ง่าย-ยาก เหมาะสมกับการฝึก | |
③ เป็นเรื่องที่ speed ช้า-เร็ว เหมาะสมกับการฝึก | |
B มีเวลาฟัง (ต้องแบ่งเวลา, หาเวลา มาฟังให้ได้) | ① ฟังทุกวัน หรืออย่าเว้นเกิน 1 วัน |
② ฟังวันละอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง, หรือถ้าไม่มีเวลา จะฟัง 3 ครั้ง ๆ ละ 10 นาทีก็ได้ | |
C มีใจพร้อมฟัง (คือต้องมีสมาธิ หรือไม่มีนิวรณ์ 5 อย่างขณะฟัง) | ① กามฉันทะ - ตั้งใจฟัง แต่ไม่ต้องห้ำหั่นฟังให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้ให้ได้ , เพราะใจจะไม่สงบ และฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง |
② พยาบาท - ไม่ต้องหงุดหงิดขุ่นเคืองตัวเอง เมื่อฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง, ยิ่งหงุดหงิดใจยิ่งปิด, ยิ่งรู้เรื่องน้อย | |
③ ถีนมิทธะ - ถ้าง่วง,ซึม ต้องออกแรง, สั่งการ ให้ร่างกายและสมอง active, อย่าฝืนฟังไปทั้ง ๆ ที่ง่วง | |
④ อุทธัจจกุกกุจจะ - อย่าฟุ้งซ่านคิดนั่นคิดนี่, ให้จดจ่อกับถ้อยคำที่กำลังฟังเท่านั้น, และอย่าหาสิ่งอื่นมาเพิ่มความฟุ้งซ่านขณะฟัง | |
⑤ วิจิกิจฉา - ไม่ต้องสงสัยว่าเมื่อไหร่จะฟังได้รู้เรื่องตลอด, เพราะถ้าฟังเรื่อยไปไม่หยุดก็จะค่อย ๆ รู้เรื่องมากขึ้นเอง, เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัย เพราะความสงสัยมันแย่งสมาธิไปจากใจโดยไม่รู้ตัว | |
D มีตัวช่วยในการฟัง | ① ขณะที่ฝึกฟัง ถ้ามี script หรือ subtitles ให้อ่าน, จะเหลือบดูนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ได้, แต่ถ้าจะให้ดีควรจะแยกกัน, คืออ่านให้จบแล้วค่อยฟัง, หรือฟังให้จบแล้วค่อยอ่าน, เพราะนี่คือการฝึกฟัง, ไม่ใช่ฝึกอ่าน |
② ขณะที่ไม่ได้ฝึกฟัง ก็ฝึกอ่านเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อย ๆ, เพราะการอ่านทำให้เราได้ "ศัพท์+สำนวน", ฉะนั้น ขณะที่ฝึกฟังก็จะเหลือปัญหาแค่เรื่อง "สำเนียง" อย่างเดียว |